สบส.เดินหน้าประชาพิจารณ์ ร่างกฎกระทรวง “กิจการน้ำพุเพื่อสุขภาพ” ต้องมีมาตรฐาน 3 ด้าน สถานที่ ความปลอดภัย การให้บริการ ตั้งชื่อต้องไม่โอ้อวด มีการจัดการสิ่งแวดล้อม มีระบบคัดกรองผู้รับบริการ บุคลากรต้องมีความรู้ความชำนาญ
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานของสถานบริการสุขภาพประเภทต่างๆ ว่า การดูแลมาตรฐานสถานประกอบการเพิ่อสุขภาพประเภทต่างๆ จะต้องมีการออกกฎหมายลูกตาม พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 เช่น กิจการสปา นวด ขณะนี้มีกฎหมายกำกับดูแลแล้ว ส่วนกิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง กำลังอยู่ในระหว่างการผลักดันกฎหมาย โดยกิจการลำดับต่อไปที่ สบส.จะเข้าไปกำกับดูแลและให้การส่งเสริม คือ “กิจการน้ำพุเพื่อสุขภาพ” โดยอยู่ระหว่างการร่างกฎกระทรวงกิจการน้ำพุเพื่อสุขภาพขึ้น
นพ.ภานุวัฒน์ กล่าวว่า นิยามของกิจการดังกล่าว คือ เป็นการนำน้ำพุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมาให้บริการในแหล่งน้ำพุนั้น เพื่อดูแลและเสริมสร้างสุขภาพด้วยการอาบ จุ่ม แช่ หรือฉีดพ่นร่างกาย มีการกำหนดมาตรฐาน 3 ด้าน ได้แก่ สถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการ เช่น การตั้งชื่อต้องไม่โอ้อวดเกินจริง ไม่ทำให้เข้าใจว่ามีการบำบัดรักษาโรค เน้นการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความสะอาดในเชิงอนุรักษ์ ต้องมีป้ายแนะนำโรคหรือสภาวะที่อาจเกิดความเสี่ยงอันตราย และวิธีใช้บริการน้ำพุเป็นภาษาสากลอย่างน้อย 2 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีระบบคัดกรองด้านสุขภาพของผู้รับบริการโดยผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ หรือผู้ผ่านการอบรม บุคลากรต้องมีความรู้ ความชำนาญ เป็นต้น รวมไปถึงการกำหนดค่าธรรมเนียม และการชำระค่าธรรมเนียมประกอบกิจการ
“สบส. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวงไปแล้ว 2 ครั้ง มีผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการเข้าร่วมให้ความคิดเห็น และเตรียมสัญจรรับฟังให้ครบทั้ง 4 ภาค ขอเชิญประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าว โดยสามารถแสดงความคิดเห็นได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ผ่าน QR Code ที่หน้าเว็บไซต์กรม สบส. หรือเว็บไซต์กองกฎหมาย โทรสารหมายเลข 0 2149 5652 และ E-mail:patthana.law05@gmail.com ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว