หญิงไทยหนี ตม.เกาหลีใต้ จนแท้ง เหตุไปทำงานแบบผิด กม.

โฆษกแรงงาน แจงสาวไทยหนี ตม.เกาหลีใต้ จนแท้ง เพราะเข้าไปทำงานแบบผิดกฎหมาย ชี้ มีแต่ต้องหลบซ่อนและโทษ ยันแรงงานไทยที่ไปอย่างถูกต้อง พร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลในทุกกรณี

วันนี้ (26 มิ.ย.) นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน และโฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีข่าวหญิงไทยที่ไปทำงานที่เกาหลี และกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน แต่หนังสือเดินทางหมดอายุ จึงวิ่งหนีด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของเกาหลีใต้จนแท้งลูก ว่า รมว.แรงงาน ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน โดยพบว่าผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวชื่อ น.ส.วิกราณ์ดา ศิลานคร เป็นอดีตล่ามของศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างชาติกวางจู และเคยเป็นอาสาสมัครแรงงาน แต่ขณะนี้หมดอายุการเป็นสมาชิก ซึ่งต้องต่ออายุสมาชิกเป็นรายปี

นางเพชรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับหญิงไทยที่หลบหนี ตม.เกาหลีใต้ จากการตรวจสอบพบว่า ได้เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมายและตั้งครรภ์ราว 6 เดือน โดยเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2561 ได้ไปเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจอนนัม เป็นเวลา 12 ชั่วโมง เนื่องจากมีอาการเป็นไข้และปวดท้องหลัง เมื่อทานยาแก้ไข้แล้วไม่หาย แต่มีอาการน้ำคร่ำเดิน สามีจึงนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่มีบัตรประจำตัวคนต่างด้าว (กาม่า) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงประสานแจ้งให้ ตม.ทราบ เจ้าหน้าที่ ตม.ได้ให้หญิงไทยรายดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไทยภายในวันที่ 8 ก.ค.2561 สำหรับค่ารักษาพยาบาล ได้รับส่วนลดจากโรงพยาบาล และไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย โดยหญิงไทยรายนี้ ไม่ขอเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ขณะนี้พักรักษาตัว ณ ที่พัก รอการเดินทางกลับประเทศไทย

“จากกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การหลบหนีไปทำงานต่างประเทศแบบผิดกฎหมายนั้น มีแต่โทษ นอกจากจะต้องอยู่แบบหลบซ่อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมายอีกด้วย สำหรับแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศแบบถูกกฎหมาย รัฐบาลและกระทรวงแรงงานพร้อมอำนวยความสะดวก รวมถึงปกป้องและดูแลสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของแรงงานไทยอย่างเต็มที่ ขอย้ำเตือนให้แรงงานไทยตระหนักถึงการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากจะได้รับการคุ้มครองดูแลอย่างเต็มกำลังจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างทำงาน และกลับจากต่างประเทศ เมื่อเดินทางไปทำงานแล้วยังให้ความคุ้มครองดูแลอย่างต่อเนื่อง หากประสบปัญหาในต่างประเทศ สำนักงานแรงงานไทยหรือสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ จะเป็นตัวแทนรัฐบาลในการดูแลแรงงานไทยในต่างประเทศเช่นกัน” นางเพชรรัตน์ กล่าว