ม.รังสิต ติดตั้งจอยักษ์ ชวน นศ. ดื่มนม ชมบอล มันได้ไม่ต้องพนัน ด้านอดีตเหยื่อพนันบอล เผยบทเรียนชีวิตปล้นใช้หนี้พนัน ย่ามใจทำผิดกฎหมายอีกสารพัด สุดท้ายติดคุก ฝากเป็นบทเรียนเตือนสติเยาวชน
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับ เครือข่ายเด็กรุนใหม่ไม่พนัน เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมชวนนักศึกษาเชียร์ฟุตบอลโลก 2018 ภายใต้แนวคิด “ดื่มนม ชมบอล มันส์ได้ไม่ต้องพนัน” ทั้งนี้ ภายในงานมีการติดตั้งจอขนาดใหญ่ ให้นักศึกษากว่า 300 คน ร่วมรับชมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่ห้องประชุมอาคารนันทนาการ ม.รังสิต
รศ.ดร.กฤษณ์ ทองเลิศ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ม.รังสิต กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ กระตุ้นเตือนเด็กและเยาวชน ประชาชนทั่วไป ให้ตระหนักถึงพิษภัยและผลกระทบจากการพนันช่วงฟุตบอลโลก 2018 โดยสร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทัน ห่างไกลจากการพนัน และหันมาดื่มนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แทนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการเชียร์ฟุตบอล ซึ่งการพนัน อบายมุข สิ่งผิดกฎหมาย ทางเราไม่สนับสนุนอยู่แล้ว และการชมฟุตบอลวันนี้ก็ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100% นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างพื้นที่และกิจกรรมเชิงบวกให้เยาวชนห่างไกลการพนัน อบายมุข ที่สำคัญจะช่วยส่งเสียงกระตุ้นเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามามีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาพนันทายผลฟุตบอล ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ลำพังมหาวิทยาลัยคงทำได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ครอบครัว ชุมชน ผู้ประกอบการร้านค้า ตลอดจนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องไม่เฉย เพราะนักศึกษา เยาวชนคือลูกหลานของเรา คือ อนาคตของชาติ
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า สาเหตุ 5 ข้อ ที่ทำให้เด็กและเยาวชนคิดและตัดสินใจเล่นพนัน คือ อยากได้เงิน อยากสนุก มีเวลาว่าง มีอิทธิพลจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัว และมีแหล่งเล่นพนันที่เข้าถึงได้ หากสังคมช่วยกันสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้เขา เชื่อว่าเด็กและเยาวชนจำนวนมากจะไม่เลือกเล่นพนัน ทั้งนี้อยากให้มองว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง เกิดสิ่งดีๆ มากมาย ลำพังตัวฟุตบอลโลกเอง ถือเป็นวาระสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ ทั่วทุกมุมโลกต่างมีความสุขที่ได้ชมเกมฟุตบอลดีๆ จากนักเตะระดับโลกที่มาร่วมโชว์ฝีเท้า ดังนั้น วาระพิเศษแบบนี้ทุกฝ่ายต้องรู้จักหยิบมาเป็นโอกาสผลิตซ้ำสิ่งสร้างสรรค์ เช่น ครอบครัวควรใช้วาระฟุตบอลโลกเป็นช่วงเวลาพิเศษ เหมือนการพาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด ใช้เวลาดูฟุตบอลด้วยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ต่างจากกลุ่มเพื่อนที่ใช้ฟุตบอลโลกเป็นวาระจดจำระลึกถึง ได้สรวลเสเฮฮา
“ควรเป็นหน้าที่ของสถาบันหลักทางสังคมต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยราชการ หรือแม้กระทั่งธุรกิจเอกชน ที่ต้องส่งเสริมให้ครอบครัว เด็กเยาวชน และคนทุกกลุ่มได้ประโยชน์จากวาระสร้างสรรค์นี้ แม้จะมีฝ่ายที่คอยฉวยโอกาสใช้วาระนี้แสวงประโยชน์อยู่บ้าง เช่น การชวนให้เล่นพนัน แต่หากฝ่ายสร้างสรรค์มีพลังที่เข้มแข็ง ก็สามารถช่วงชิงคนของเรากลับคืนมาได้” นายธนากร กล่าว
ด้าน นายเอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี อดีตเยาวชนนักพนันบอล กล่าวว่า ตนใช้ชีวิตอยู่บ้านเพียงลำพังตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่คลุกคลีกับกลุ่มเพื่อน กล่าวได้ว่า ติดเพื่อน ไปไหนไปกัน พออายุ 13 ปี ก็เริ่มจากแทงสนุกข้างบ้าน ในนั้นมีอบายมุขทุกอย่าง ไพ่ ไฮโล พนันบอล แทงบอลครั้งแรก เล่นขำๆ ไม่คิดอะไร เริ่มจาก 50 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท พอเกิดความโลภ ก็เน้นแทงบอลเดี่ยว คิดแค่ว่าต้องชนะได้เงินมาแน่นอน พอแทงไป 3 คู่ เสียวันเดียว 15,000 บาท ต้องขายพระเครื่อง ขายของใช้ในบ้าน แต่ไม่พอใช้หนี้ สุดท้ายชักชวนเพื่อนไปปล้นรถจักรยานยนต์ วันนั้นปล้นมาได้ 6 คัน เอาไปขายนำเงินมาใช้หนี้พนันจนหมดและไม่กลับไปเล่นพนันบอลอีกเลย
“เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ตัดสินใจหยุดเล่นพนันบอลเด็ดขาด เพราะรู้สึกผิดที่ไปขโมยรถ ทำให้คนอื่นบาดเจ็บเดือดร้อน โชคยังดีที่เขาไม่เสียชีวิต แม้ผมจะไม่ติดการพนัน แต่เพราะการพนัน ทำให้ผมต่อยอดไปสู่ความคึกคะนอง ใจร้อน ไม่กลัวอะไร มั่นใจตัวเองจนนำไปสู่ทางที่ผิด ซึ่งผมเคยก้าวพลาดจนต้องไปอยู่ที่สถานพินิจเกือบ 2 ปี แม้จะไม่เกี่ยวโดยตรงกับคดีที่เกิดจากการพนันก็ตาม แต่มันเหมือนเป็นการปูทางไปสู่ความผิดอื่น ขาดสติยับยั้งชั่งใจ ซึ่งผมอยากฝากเตือนสติเยาวชนทุกคน ว่า หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันแล้ว สิ่งเลวร้ายอื่นๆ จะตามมาอย่างไม่ทันตั้งตัว อย่าพาตัวเองไปตกหลุมดำเป็นทาสพนัน ขอให้คิดถึงอนาคต คิดถึงครอบครัวให้มากๆ เพราะในวันที่เราสิ้นอิสรภาพ เพื่อนที่บอกว่าตายแทนกันได้ ก็ไม่มีจริงหรอก มันมีเพียงในนิยายหลอกเด็กเท่านั้น” นายเอ กล่าว