xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ป่วยต่างชาติลอบมารักษามากขึ้น พบชายแอฟริกันต้องสงสัยป่วย “เมอร์ส” ผลเบื้องต้นเป็นวัณโรคปอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมควบคุมโรค เผย รับตัวชายแอฟริกันมาจากตะวันออกกลางเข้ารักษาที่สถาบันบำราศฯ หลังต้องสงสัยป่วย “เมอร์ส” เผยผลแล็บเบื้องต้นเป็นวัณโรคปอด เตรียมประสานสายการบินติดตามผู้โดยสารร่วมทาง รับมีผู้ป่วยต่างชาติลักลอบมารักษามากขึ้น ต้องเข้มด่านคัดกรองและประเทศต้นทาง

วันนี้ (12 มิ.ย.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงสถานการณ์ชาวต่างชาติลักลอบเดินทางมารักษาที่ประเทศไทย และล่าสุด พบชาวตะวันออกกลางที่เดินทางมารักษายังโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และอาจป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส ว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา สถาบันบำราศนราดูรได้ไปรับตัวชายชาวแอฟริกันที่อาศัยอยู่ในตะวันออกกลางมาจากโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจริง เนื่องจากโรงพยาบาลสงสัยว่า อาจป่วยเป็นโรคเมอร์ส แต่สถาบันบำราศฯ ได้ร่วมกับสำนักระบาดวิทยา ทำการสอบสวนโรคแล้ว ผลจากห้องปฏิบัติการเบื้องต้น พบว่า เป็นโรควัณโรคปอด ซึ่งตรวจพบเชื้อจากทางเสมหะ ดังนั้น โดยรวมชายรายดังกล่าวเป็นโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจระยะแพร่กระจายได้

“ผู้ป่วยเดินทางมาจากทางตะวันออกกลางด้วยเครื่องบิน ดังนั้น จึงได้ประสานกับทางสายการบิน เพื่อติดตามกลุ่มเสี่ยงที่ร่วมเดินทางมาด้วย ให้มาตรวจหากพบเชื้อก็จะได้ทำการดูแลรักษาต่อไป นอกจากนี้ ยังจะมีการประสานกับทางสนามบินเพื่อดูเรื่องการป้องกันโรคด้วย” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยต้องสงสัยลักลอบเดินทางมาทำการรักษามากขึ้น เพราะไทยมีระบบสาธารณสุขดีและมีชื่อเสียงเรื่องการรักษาโรคเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาผู้ป่วยที่เข้ามารักษากับเราก็ไม่มีเสียชีวิต ประเทศที่มีผู้ป่วยจึงเดินทางมารักษา แต่ต้องยอมรับว่าผู้ป่วยโรคดังกล่าวจำนวนหนึ่งก็มาเป็นภาระประเทศ ทั้งการติดตามกลุ่มเสี่ยงที่ร่วมโดยสารกับผู้ป่วย เป็นต้น สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มศักยภาพการคัดกรองผู้ป่วย ทั้งอากาศยาน ทางเรือ และทางบก เพราะนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งโรคที่โหดร้ายสถาบันบำราศฯ ก็จะรับมาดูแลทั้งหมด แต่โดยหลักการตามกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ การดูแลป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือประเทศต้นทางต้องมีการตรวจควบคุมเพราะเป็นความรับผิดชอบของแต่ละประเทศที่ต้องดูแล ซึ่งเรามีการประสานกับสถานเอกอัครราชทูตของแต่ละประเทศด้วย

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่ใจเรายังได้มีการส่งสารคัดหลั่งเพื่อตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมด้วย โดยเบื้องต้นได้ส่งไปที่แล็บของสถาบันบำราศฯ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งนี้ ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป เนื่องจากโรควัณโรคปอดเสมหะเป็นบวกบ้านเราก็มีจำนวนมากและที่สำคัญมันไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น