รพ.เด็กเตือนเปิดเทอมอย่าให้เด็กแบกกระเป๋าหนัก ชี้แบบถือทำร่างกายเจ็บ เสียสมดุล ได้มากกว่าแบบแขวนหลัง ย้ำ น้ำหนักกระเป๋าไม่ควรเกิน 10% ของน้ำหนักตัว ย้ำ อนุบาล - ประถมต้น ยังทรงตัวไม่ดี แขนขาไม่แข็งแรง เสี่ยงล้มง่าย กระทบแขน ไหล่ สะบัก แต่ยังไม่พบหลักฐานทำกระดูกสันหลังผิดรูป
วันนี้ (31 พ.ค.) นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปิดภาคเรียนปัญหาที่พบสำหรับเด็ก คือ กระเป๋านักเรียน จากข้อมูลพบว่าเด็กไทยวัยประถมแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินกว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวเด็ก เช่น หากมีเด็กน้ำหนัก 30 กก. น้ำหนักกระเป๋าที่เด็กสามารถถือได้ต้องไม่เกิน 3 กก. เท่านั้น แต่ปัจจุบันพบว่ากระเป๋านักเรียน 1 ใบ มีน้ำหนักสูงถึง 4 - 6 กก. การที่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ ทั้งหนักและนานอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างร่างกายและส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า เด็กวัยอนุบาลหรือประถมต้นยังมีการทรงตัวที่ไม่ดีนัก เนื่องจากอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตและพัฒนาการทรงตัว อีกทั้งกำลังแขนขายังไม่แข็งแรง การแบกกระเป๋าใบใหญ่และน้ำหนักมาก อาจทำให้เด็กล้มง่าย เดินลำบากมากขึ้น เกิดการบาดเจ็บทั้งจากการล้มและกล้ามเนื้อที่ใช้ในการแบกกระเป๋า ทั้งนี้ กระเป๋านักเรียน ที่ใช้อาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือแบกกระเป๋าโดยใช้มือถือ และแบกกระเป๋าโดยแขวนหลัง (back pack) ซึ่งแบบมือถือไม่เหมาะกับการแบกเป็นเวลานาน อาจเกิดการบาดเจ็บ และเสียสมดุลร่างกายได้มากกว่าแบบแขวนหลัง
“การแบกกระเป๋าที่หนักเป็นเวลานานจะเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บ ต่อโครงสร้างร่างกายโดยเฉพาะแขน ไหล่และสะบัก แต่ทั้งนี้ไม่มีหลักฐานว่าจะทำให้กระดูกสันหลังผิดรูปหรือกระดูกไม่เจริญเติบโต เนื่องจากการเจริญเติบโตของเด็กยังมีปัจจัยประกอบหลายประการ อาทิ การรับประทานอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและกรรมพันธุ์ของเด็ก ทั้งนี้หากกระเป๋ามีน้ำหนักมากแนะนำให้ใช้กระเป๋าลากแต่ถ้าน้ำหนักไม่มากและต้องการแบกเป็นเวลานานควรใช้กระเป๋าโดยแขวนหลัง (back pack) ส่วนกระเป๋าถือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้แนะนำว่าไม่ควรหนักจนเกินไป และไม่ควรถือเป็นเวลานานๆ” นพ.สมเกียรติ กล่าว