ทปอ. แจง TCAS รอบ 3 ผ่านการวิเคราะห์อย่างดี สร้างสมดุล 3 เรื่อง ทั้งสิทธิการเลือกของนักเรียน ลดการกั๊กที่จำนวนมากและยาวนานลง และมหาวิทยาลัยสามารถคัดเด็กได้ตามเกณฑ์ตัวเอง เป็นที่มาให้เลือก 4 ตัวเลือกแบบไม่มีอันดับ เผย TCAS ปีหน้าปรับปรุงวิธีการให้ดีขึ้นแน่นอน แต่ต้องรอประชุมหารือ คาด 2 - 3 เดือน รู้ทิศทางชัด
วันนี้ (31 พ.ค.) ผศ.ดร.ประเสริฐ คันธมานนท์ รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในฐานะเลขาธิการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ปกครองมายื่นหนังสือถึงปัญหาของระบบ TCAS รอบ 3 ว่า หลังจากที่แก้ปัญหา TCAS รอบ 3 ไปเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มการเคลียริงเฮาส์รอบ 3/2 เพื่อแก้ปัญหาการกั๊กที่จากเด็กคะแนนสูง หากผู้ปกครองกังวลใจ ค้างคาใจ หรือติดใจ ทปอ.ก็จะรับเรื่องไว้ไปพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าระบบ TCAS ผ่านการพิจารณาในหลายมิติ ไม่ใช่ว่าออกแบบโดยไม่ดูผลว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากดำเนินการแล้วพบว่ามีความรู้สึกต่อระบบไม่เหมาะสมก็รีบพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อออกมาตรการลดความกังวลของผู้ปกครอง
ผศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับ TCAS รอบ 3/2 ผ่านการวิเคราะห์อย่างดีแล้ว ว่า จะช่วยแก้ปัญหาการกั๊กที่นั่งจากกลุ่ม กสพท แต่อาจไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเด็กที่เก่งอย่างไรก็ต้องติดสัก 1 ที่ ส่วนสาเหตุที่ต้องให้เลือก 4 ตัวเลือกแบบไม่มีอันดับนั้น ต้องชี้แจงว่า TCAS รอบ 3 ออกแบบโดยคำนึงถึงความสมดุล 3 เรื่อง คือ 1. สิทธิในการเลือกของนักเรียน เพราะหากให้เลือกได้ 1 ตัวเลือก ก็จะไม่มีการกันที่กันเลย แต่สิทธิของนักเรียนในการเลือกก็จะไม่มี ปัญหาก็จะเกิดขึ้นคือมหาวิทยาลัยที่เป็นที่นิยมก็จะมีคนถล่มไปเลือก 2. ความเหลื่อมล้ำ หรือการกันที่กัน ซึ่งอดีตมีการกั๊กที่นั่งกันจำนวนมากและยาวนาน จนเปิดภาคเรียนถึงรู้ว่าเด็กสละสิทธิ์ ระบบใหม่จึงมาผ่อนคลายเรื่องนี้ ทำให้เกิดการกันที่ได้แค่ 4 และหยุดไว้ไม่ให้เกิดการกันที่นาน คือ เคลียริงเฮาส์ทันที เพื่อจัดการเรื่องการกันที่ออกไป ให้เด็กคะแนนรองลงไปได้เลือกตามเกณฑ์ และ 3. มหาวิทยาลัย มีเกณฑ์ในการคัดเลือกเด็กเอง เพราะอยากได้เด็กที่ตรงความต้องการที่สุด
“การพัฒนาระบบนี้จึงต้องสร้างสมดุล 3 วัตถุประสงค์นี้ จึงเป็นรูปแบบที่เห็น คือ 4 ตัวเลือกเพื่อไม่ให้กั๊กที่จำนวนมากและยาวนาน เคลียริงเฮาส์ทันที และใช้เกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเอง ทำให้จัดลำดับไม่ได้ เพราะไม่ใช่เกณฑ์คะแนนรวม อย่างที่บอกว่ามหาวิทยาลัยอยากได้คนตามความต้องการของตัวเองจึงใช้เกณฑ์คัดเลือกขอตัวเอง เพราะหากเป็นคะแนนรวม จะพบปัญหา เช่น ต้องการคนสายวิทย์ แต่หากใช้คะแนนรวมบางคนสายสังคมดีก็ดึงคะแนนขึ้นมา พอไปเรียนจริงแล้ว ปรากฏว่า เด็กไม่มีสัมฤทธิ์ผลที่ดีในสายวิทยาศาสตร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จำนวนที่มหาวิทยาลัยประกาศรับในแต่ละสาขานั้น ก็อาจมีการเผื่อมาแล้ว เช่น อยากได้ 150 คน แต่แจ้งมา 180 คน คือ มีการสำรองมาแล้วด้วย ทั้งนี้ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่มีระบบใดสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อมีปัญหาก็พร้อมแก้ไข เช่น การออกรอบ 3/2 ออกมา” ผศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวและว่า ส่วนกรณีการไม่เอาตัวเลือกที่สอบติดในรอบ 3/1 มาใช้ในการเคลียริงเฮาส์รอบ 3/2 เพราะจะกลายเป็นการกั๊กที่เพิ่มเติม สำหรับข้อเสนอให้แยกผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดม.ปลาย (GPAX) ออกจากแอดมิชชันในรอบ 4 นั้น ทปอ.ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นนโยบายของประเทศ ไม่ใช่ของ ทปอ.
เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาการเข้าสมัครพร้อมกันใน TCAS ปีหน้า ผศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เหมือนระบบภาษี ที่ทุกคนจะเข้ามาทำในวันสุดท้าย โดยธรรมชาติแล้วหากเปิดระบบ 9 โมง ก็จะแน่นช่วงตอน 10 โมง ต่อให้บอกเปิดระบบตี 5 เด็กก็มารอตั้งแต่ตี 4 แต่ต่อไปรับว่า TCAS ในปีหน้า จะมีการปรับปรุงระบบวิธีการให้ดีขึ้นแน่นอน แต่จะปรับปรุงอย่างไรยังตอบไม่ได้ ต้องรอการประชุมหารือกันก่อน ซึ่งจะรวบรวมข้อคิดเห็นทั้งหลายไปเสนอในที่ประชุม ไม่ว่าจะเรื่องการเลือกได้เพียง 2 ตัวเลือก จาก 4 ตัวเลือกเหมือนกันทั้งหมด หรือแยกเคลียริงเฮาส์ กสพท.ออกไปก่อนจากรอบ 3 การเข้าสมัครตามรหัสของเด็กเป็นวันๆ คาดว่าไม่เกิน 2-3 เดือน จะทราบว่าระบบในปีหน้าจะปรับปรุงเป็นไปในทิศทางใด
“ที่ผ่านมาจะไม่เคยรับทราบปัญหาเรื่องการกั๊กที่ เพราะไม่เคยมีการเคลียริงเฮาส์ หรือออกมาพูดอย่างชัดเจน แต่ระบบ TCAS ทำให้ข้อมูลทุกอย่างออกมาเปิดเผยบนกระดานเดียวกัน จึงทำให้ทราบข้อมูลและเห็นได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งระบบพยายามทำให้เกิดการกั๊กที่น้อยที่สุด” ผศ.ดร.ประเสริฐ กล่าว