ณ เพลานี้ กระแสใดคงไม่แรงเท่าละคร “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งในละครมักมีบทพูดอยู่คำหนึ่งที่พ่อเดช หมื่นสุนทรเทวา มักจะใช้พูดว่า แม่หญิงการะเกดอยู่เสมอ กับคำว่า “สติวิปลาส” ซึ่งเป็นคำโบราณ หมายถึง อาการของบุคคลที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้
เฟซบุ๊กเพจ Suksangdai โดยกรมสุขภาพจิต ได้ให้ข้อมูลว่า ถือเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้สังคมไทยเข้าใจความหมายของคำว่า “บ้า” หรือ “โรคจิต” มากยิ่งขึ้น
“สติวิปลาส” ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “บ้า” ภาษาทางกฎหมาย เรียกว่า “วิกลจริต” ส่วน ภาษาทางจิตเวช เรียกว่า “โรคจิต”
“คนบ้า” หรือ “ผู้ป่วยโรคจิต” (Psychosis) นั้น คือ ผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง มีการรับรู้ที่แปลกไป เช่น หูแว่ว ได้ยินเสียง ที่คนอื่นไม่ได้ยิน มักเป็นเสียงคนคุยกัน บางครั้งเป็นเสียงเทพ เสียงเจ้าแม่ แล้วก็พูดโต้ตอบเสียงนั้นอยู่คนเดียว หรือเห็นภาพที่คนอื่นไม่เห็นด้วย เช่น เห็นมีคนมาหา มีการคิด การตีความที่แปลกๆ มีอาการหลงผิด เช่น คิดว่าคนบนโลกจะมุ่งทำร้ายตนเอง ระแวงว่าจะมีคนมาใส่ยาพิษในอาหาร กลัวคนมาติดตามฆ่า หรือคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ มีเทพวิญญาณสิงอยู่ในร่างกาย คอยบอกให้ทำสิ่งต่างๆ
ทั้งนี้ อาการของโรคจิต นอกเหนือจาก หูแว่ว ประสาทหลอน ความคิดหลงผิด ก็ยังมีอาการอื่นๆ อีกด้วย เช่น พูดคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เพราะไม่สามารถคิดแบบมีเหตุมีผลได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง และเมื่อถูกปล่อยให้เป็นนานๆ ไม่รักษา พฤติกรรมก็จะที่เปลี่ยนไป เช่น สีหน้าอารมณ์เฉยเมย ชีวิตไม่มีจุดหมาย ไม่พูดไม่จา ไม่มีสัมพันธภาพกับใคร ไม่ยินดียินร้าย มีพฤติกรรมผิดปกติจากคนอื่น เช่น หัวเราะหรือร้องไห้ สลับกันเป็นพักๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม “โรคจิต” นั้น มีด้วยกันหลายประเภท เช่น “โรคจิตเภท” ที่มักพบได้บ่อย “โรคจิตเฉียบพลัน” “โรคจิตที่เกิดจากสารเสพติด”และ “โรคจิตที่มีสาเหตุจากโรคทางสมองหรือโรคทางกายที่รบกวนการทำงานของสมอง” เป็นต้น
ส่วนสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง จะรักษาได้หรือไม่ จะดูแลกันอย่างไร คอยรอติดตามกันต่อนะ ออเจ้า เพลานี้ ก็ลองสังเกตตัวเองและคนรอบข้างกันไปพลางก่อน แต่หากพบว่า มีอาการผิดปกติเข้าข่ายข้างต้น ให้รีบไปโรงหมอใกล้บ้าน หรือยกหูไปที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 กันได้เลยนะเจ้าคะ