อธิการฯ มทร.ธัญบุรี หนุนนโยบายผลิตบัณฑิตตามความต้องการประเทศ แต่ต้องไม่ทิ้งการสอนสายสังคม ย้ำ จัดสัดส่วนการผลิตบัณฑิตสายต่างๆ ชัดเจน เสนอผลิตสายวิทย์ - เทคโน 60% กลุ่มสังคม 30% และศิลปวัฒนธรรม 10% ช่วยเกิดความสมดุล ไม่ขาดแคลนคน
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้สถาบันอุดมศึกษา หันมาผลิตบัณฑิตสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ และพร้อมจะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ
รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า การผลิตบัณฑิตของประเทศนั้นจำเป็นจะต้องผลิตบัณฑิตทั้งสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสายสังคม ทั้งนี้ เข้าใจว่า นายกฯ ต้องการให้กลุ่มมหาวิทยาลัยดำเนินการต่อยอดการจัดการเรียนการสอนกับสายอาชีวศึกษาเพื่อผลิตกำลังคนให้ตรงกับเมกะโปรเจกต์ของรัฐ เช่น สาขาที่เกี่ยวข้องกับระบบราง สาขาอากาศยาน หุ่นยนต์อุตสาหกรรม สมาร์ทฟาร์ม เป็นต้น ซึ่งในส่วนสาขาสังคมเท่าที่ทราบรัฐบาลก็ยังคงให้งบประมาณสนับสนุนอยู่ แต่จะเพิ่มให้เป็นพิเศษในสาขาที่ผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในส่วนนี้ตนเห็นด้วย เพราะถือเป็นการผลิตกำลังคนให้กับเมกะโปรเจกต์ที่ภาครัฐวางไว้
รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนการผลิตกำลังคนในสายสังคมนั้น รัฐบาลยังคงต้องให้การสนับสนุนด้วยเช่นเดิม เพราะระบบการศึกษาของประเทศจะมุ่งไปทางใดทางหนึ่งทางเดียวเลยไม่ได้ จะไม่เกิดการสมดุลทางด้านการศึกษาและสังคม แต่ควรมีการจัดสัดส่วนการผลิตที่ชัดเจน เช่น กลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี 60% กลุ่มสังคม 30% และกลุ่มศิลปวัฒนธรรม 10% เพื่อทำให้เกิดการสมดุล เราคงพัฒนาประเทศไปทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 100% เลยคงไม่ได้ เพราะคนจะขาดคุณธรรม ขาดความเป็นสังคม ขาดอาชีพ ไม่เข้าใจชุมชนท้องถิ่น เพราะการที่เทคโนโลยีดีแต่สภาพสังคมย่ำแย่ ประเทศนั้นก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้
“ควรให้มหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตสายสังคม ได้ผลิตกำลังคนในด้านนี้รองรับการเติบโตของสังคมด้วยเช่นกัน ซึ่งการสร้างสมดุลทางการศึกษา เพื่อสร้างกำลังคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ หลายประเทศมีการกำหนดสัดส่วนการผลิตกำลังคนในสายการเรียนที่ชัดเจน ประเทศไทยก็ควรมีการกำหนดเช่นกัน” รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าว