รพ.จุฬาฯ ใช้เครื่องครอบศีรษะหล่อเย็นขณะให้คีโม ช่วยลดปัญหาผมร่วงได้ 40 - 70% และทำให้ผมเกิดเร็ว เหตุความเย็นทำให้เลือดไปเลี้ยงน้อย ลดปริมาณยาที่จะไปถึงเส้นผม
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นพ.อธิศพันธุ์ จุลกทัพพะ อาจารย์ประจำศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ กล่าวว่า จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า มะเร็งเต้านมยังเป็นอันดับหนึ่งในโรคมะเร็งสตรี ทั้งนี้ การรักษามีทั้งการผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด ซึ่งค่อนข้างจะตอบสนองต่อการรักษาดีไม่ว่าจะอยู่ในระยะใดก็ตาม แต่ปัญหาคือ เรื่องเต้านม เพราะมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้หญิง ดังนั้น รพ.จุฬาฯ จึงพยายามผ่าตัดแบบสงวนเต้าเอาไว้แล้วทำเต้านมเทียมขึ้นมา อาจจะใช้เนื้อเยื่อของผู้ป่วยเอง หรือใช้ซิลิโคนแทน แต่บางคนอาจต้องตัดทั้งเต้า ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะของโรค ดังนั้น หากตรวจเจอเร็ว รักษาเร็วก็สามารถผ่าตัดแบบสงวนเต้าเอาไว้ได้ แต่พบว่า ร้อยละ 50 มาพบแพทย์เมื่อเป็นโรคมะเร็งเต้านมในระยะที่ 2, 3 แล้ว ทำให้ต้องตัดทิ้งทั้งเต้าไปจำนวนไม่น้อย
นพ.อธิศพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด จะมีผลทำให้ผมร่วง รพ.จุฬาฯ จึงได้นำเข้าเครื่องครอบศีรษะแบบหล่อเย็นระหว่างการให้ยาเคมีบำบัดลดภาวะผมร่วงจากการให้เคมีบำบัดฟรี ปัจจุบันมีอยู่ 5 เครื่อง และให้บริการมาประมาณ 8 ปีแล้ว โดยหลักการเครื่องมือนี้จะทำให้เกิดความเย็นที่ศีรษะเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงที่บริเวณนั้นน้อยที่สุด เพื่อลดปริมาณยาที่จะไปถึงเส้นผมก็จะทำให้ผมร่วงน้อยลง ซึ่งพบว่าช่วยลดผมร่วงจำนวนมากได้ถึงร้อยละ 40 - 70 อีกทั้งยังช่วยให้ผมเกิดเร็วกว่าการไม่ได้ใช้เครื่องดังกล่าว โดยผมเกิดใหม่ภายใน 2 - 3 เดือน เพราะรากผมยังอยู่ แต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็อาจจะต้องรอให้ผมเกิดใหม่ประมาณ 3 - 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน และการตัดสินใจของผู้ป่วยว่าจะใช้หรือไม่ เพราะบางคนอาจจะไม่ชอบเนื่องจากมีความเย็นมาก
“เต้านมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิง การเสียเต้านมไปเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อจิตใจ และการใช้ชีวิตในสังคมทางศูนย์สิริกิติ์ฯ จึงได้มีการตั้งกลุ่มจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อน ศูนย์สิริกิติ์ฯ ขึ้นมาทำกิจกรรมเพื่อให้การช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ป่วย เช่น การเย็บเต้านม เทียมและทำวิกผมปลอม ทำหมวกเพื่อแจกให้ฟรีกับผู้ป่วยด้วย และยังร่วมกับพยาบาล และแพทย์ในการให้คำปรึกษา ให้กำลังใจสำหรับผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับการป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมด้วย” นพ.อธิศพันธุ์ กล่าว