โดย "วิตามิน B2" หรือ "ไรโบฟลาวิน" เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ถูกดูดซึมได้ง่าย ปริมาณที่ถูกขับออกมาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของร่างกายเป็นหลัก ร่างกายจึงไม่เก็บสะสมไว้ เราจึงควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจากอาหารหรืออาหารเสริม ซึ่งมีผลกับการสร้างผิวหนังและเส้นผมที่แข็งแรง ดังนั้น เราจึงต้องรับวิตามินB2 เข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทานอาหารหรือวิตามินเสริม ซึ่งอาหารที่มีวิตามิน B2 อาทิ นม ควรวันละ 250 มิลลิกรัม ชีส ผักใบเขียว ปลา เห็ดหอม เห็ดหูหนู ถั่วลิสง งาดำ อัลมอนต์
นอกจากนี้หากเกิดมีแผลเกิดรอบๆ ริมฝีปากหรือแผลในช่องปากสามารถทำให้ประสิทธิภาพในการรับรสเสื่อม เกิดจากร่างกายขาดธาตุสังกะสี ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง เบื่ออาหาร การเจริญเติบโตลดลง ผมร่วง นอกจากสาเหตุการขาดธาตุสังกะสี การรับประทานวิตามิน B2 ยังสามารถช่วยซ่อมแซมรอยแผลให้หายเป็นปกติอีกด้วย
ทั้งนี้สาเหตุของการปากแห้งสามารถบ่งชี้สัญญาเตือนระบบร่างกายในกระเพาะอีกด้วย ซึ่งหากขาด "วิตามิน A" ร่างกายจะเกิดอาการปวดหรือไม่สบายกระเพาะ เนื่องจากวิตามิน A จะช่วยบำรุงสายตา วิตามิน A ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงและปกป้องหลอดลมและกระเพาะ ช่วยเคลือบป้องกันไม่ให้เชื้อโรคออกฤทธิ์ทำระบบย่อยได้โดยตรงง่ายๆ อีกด้วย ควรรับประทานผักใบเขียว อาทิ ผักตำลึง แครอท มะเขือเทศ ฯลฯ เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง ขาดวิตามินเอทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน แห้งแตก โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อด่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคผิวหนัง เช่น สิวและโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้