บอร์ดอิสระปฏิรูปศึกษาถกแนวทางบริหารจัดการ “กองทุน” ช่วยผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียน แก้ 6 ปมนักเรียนไทยด้อยโอกาสกว่า 2 ล้านคน เข้าถึงการศึกษาเพิ่มมากขึ้น สกัดหลุดจากระบบ พร้อมพัฒนาครูห่างไกล
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ว่า ที่ประชุมได้หารือประเด็นกรอบการดำเนินงานกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ตามที่มีบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาราจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 54 วรรค 6 ที่ระบุให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา และเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู ซึ่งเบื้องต้นคณะอนุกรรมการกองทุน ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการอิสระท่านอื่นๆ เพื่อใช้กองทุนดังกล่าว เป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาและขยายโอกาสให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการศึกษาอย่างเสมอภาคและยั่งยืน อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ประเทศไทยแห่งเดียวที่เกิดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาด้านการศึกษาเกิดขึ้นทั่วโลก ปัจจัยสำคัญคือ ยังไม่สามารถหลุดพ้นความยากจนได้ ดังนั้น ต้องใช้การศึกษาแก้ไขให้หลุดพ้นจากความยากจนมีความสอดคล้องกับหลักการขับเคลื่อนกองทุนช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์นี้
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะอนุกรรมการกองทุน กล่าวว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาไทย ปี 2558 - 2559 พบเด็กเยาวชนอายุ 0 - 18 ปี ในทะเบียนราษฎร จำนวน 14.7 ล้านคน โดยมีอัตราเกิดปีละ 600,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กเล็กในครอบครัวยากจนประมาณ 480,000 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ส่วนเด็กอายุ 3 - 5 ปี ยังไม่เข้าเรียนอนุบาลพบจำนวน 1,100,000 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 40 ในส่วนเด็กนักเรียนด้อยโอกาสที่อยู่ในความดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีจำนวนประมาณ 2,000,000 คน แยกเป็นนักเรียนยากจน จำนวน 1,5000,000 คน คิดเป็นร้อยละ 31 และนักเรียนพิการ จำนวน 337,000 คน คิดเป็นร้อยละ 7 นอกจากนี้ ยังพบว่ามีเด็กอายุ 6 - 15 ปี ต้องออกกลางคัน จำนวน 315,280 คน คิดเป็นร้อยละ 3.9 ขณะที่เด็กอายุ 16 - 18 ปี ไม่ได้ศึกษาต่อมีจำนวน 373,677 คน คิดเป็นร้อยละ 14
ดร.ประสาร กล่าวว่า แนวทางเบื้องต้นเพื่อบริหารจัดการกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 54 วรรค 6 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความยั่งยืนในอีก 10 ปี ภายใต้กรอบ 6 แนวทางสำคัญ คือ 1. ขจัดปัญหาเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้หมดไปจากประเทศไทย 2. เด็กเล็กในครอบครัวยากจนได้รับการดูแล กระตุ้น และส่งเสริมพัฒนาการอย่างเหมาะสมตามพัฒนาการและช่วงวัยเพื่อเป็นรากฐานสู่ทรัพยากรมนุษย์ที่ดีของประเทศไทย 3. ขจัดปัญหาเด็กเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้หมดไปจากประเทศไทย 4. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เด็กเยาวชนจากครัวเรือนยากจนที่สุดร้อยละ 20 แรกมีโอกาสเรียนระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 30 กับ
5. ครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกลและครูผู้สอนนักเรียนยากจนด้อยโอกาส ได้รับการเสริมสร้างพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานครบทุกคน และ 6. ประกันโอกาสทางการศึกษา คุณภาพการเรียนรู้ และ คุณภาพชีวิต เด็กเยาวชนทุกคนได้รับการสนับสนุนจากกองทุนให้สามารถพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพและความถนัดด้วยการติดตามผ่านระบบสารสนเทศ ซึ่งคณะอนุฯ กองทุน คำนึงถึงการใช้กองทุนอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ได้จริงและมีธรรมาภิบาล ซึ่งต้องคิดกลไกเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกไปจากระบบการศึกษา โดยการใช้การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเข้ามาช่วยแก้ไขด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสระเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ร่วมปฏิรูปการศึกษาไทย” ประชาชนผู้สนใจสามารถเสนอแนวคิดและข้อเสนอแนะต่างๆ ได้ตลอดเวลา