ผู้ว่าฯ อัศวิน ยันผู้ค้าทางเท้าสยามไปแล้วไปลับ ไม่ปล่อยให้กลับมาขายอีก ด้านเทศกิจเผย วันที่ 13 มิ.ย. กลุ่มผู้ค้านัดกันมายึดพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังป้องกัน ยื้อกันตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตีสอง สุดท้ายผู้ค้ายอมถอยหลังนัดเจรจา 16 มิ.ย. แต่ไม่มาเหตุกลัวถูกทหารจับดำเนินคดี ด้าน ปชช. เห็นด้วยจัดระเบียบ ย้ำไม่มีสิทธิมายึดพื้นที่ขายของ
จากกรณีการเปิดบทสนทนาในห้องไลน์ “สยาม Comeback” ของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าทางเท้าสยามสแควร์ ว่า เตรียมสร้างสถานการณ์ เพื่อให้กลับมาขาของได้อีกครั้ง หลังจากที่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เข้ามาจัดระเบียบจนเป็นผลสำเร็จเมื่อ ต.ค. 2559
วันนี้ (20 มิ.ย.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวสั้นๆ ถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องผู้ค้าทางเท้าสยาม เมื่อจัดระเบียบแล้ว ก็คือ ไปแล้วไปลับ ไม่มีกลับมา หากกลับมาต้องถูกดำเนินการทั้งหมด เพราะว่าพี่น้องประชาชนเขาไม่ยอม คุณแค่คนร้อยสองร้อยคน ตนทำความเข้าใจกับเขาแล้ว เขาก็ยอมแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณริมถนนพระรามที่ 1 บริเวณสยามสแควร์ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีการตั้งแผงขายของใดๆ ทั้งสิ้น โดยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเฝ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ ตั้งแต่บริเวณหน้าทรูคอฟฟี ยาวไปจนถึงบริเวณสยามสแควร์วัน
ด้าน นายสัมฤทธิ์ สุมาลี หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ เขตปทุมวัน กล่าวถึงกรณีจะมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเตรียมการจะยึดพื้นที่คืน ว่า เมื่อช่วงวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ยินกระแสข่าวว่า ทางกลุ่มผู้ค้าจะมาลงยึดพื้นที่วันที่ 13 มิ.ย. โดยนัดกันเวลา 22.00 น. บริเวณธนาคาร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เข้าออกสะดวก ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาก็ให้เตรียมกำลังเฝ้าระวัง โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ทั้งเทศกิจสำนักงานเขตปทุมวัน และเขตข้างเคียง เช่น เขตวัฒนา เขตบางคอแหลม เขตคลองเตย เขตบางรัก รวมถึงสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตำรวจ สน.ปทุมวัน ทหาร และ รปภ. ของทรัพย์สินจุฬาฯ มาช่วยกันดูแลพื้นที่วันดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่า มีการยื้อพื้นที่กับผู้ค้ากันจนถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งวันนั้นทางผู้บริหารของ กทม. ก็อยู่เจรจาด้วย โดยระบุว่า พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้มีให้เปิดเจรจา แต่ กทม. ยินดีที่จะหาเงื่อนไขใหม่ ซึ่งสามารถไปต่อรองกันได้ในวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่พื้นที่ตรงนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มาเจรจาใดๆ เพราะเกรงว่า ทหารจะมาจับ โดยขณะนี้ยังคงมีการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ ซึ่งสถานการณ์ยังคงเป็นปกติอยู่ แต่ถ้ามีการฝ่าฝืนก็ถูกจับดำเนินคดี แล้วก็ผลักดันออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ตรงนี้เป็นเรื่องที่กระแสสังคมต้องช่วยกันดูแลด้วย
ด้านกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มาเที่ยวเล่นบริเวณสยาม ร่วมกันสะท้อนความเห็นว่า การขายของบริเวณทางเท้าของสยามสแควร์ รู้สึกว่า เกะกะขวางทางมาก ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีสถานที่จัดไว้ให้ขายอยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมาขายตรงนี้ทำไม ส่วนหากมีการกลับมาตั้งขายอีกยอมรับว่า อาจจะลำบากนิดหน่อย โดยเฉพาะเวลาเดิน เวลารีบ ทำให้เดินไม่สะดวก ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยหากจะมีการยึดพื้นที่มาขายของ เพราะก็มีสถานที่จัดไว้ให้อยู่แล้วหรือไม่ ก็ไปขายตามสถานที่ที่จัดไว้ให้ดีกว่า ที่สำคัญมองว่าพวกเขาไม่มีสิทธิที่จะยึดพื้นที่ เพราะเป็นพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ หากตนเป็นผู้ขาย แม้จะมีรายได้งามจากพื้นที่ตรงนี้ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎ ซึ่งมันไม่ใช่แค่เรื่องรายได้ แต่คือการไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น
น.ส.ปิยฉัตร แผนทัด พนักงานขายในสยามสแควร์วัน กล่าวว่า ถ้ามีตลาดก็ถือเป็นเรื่องดี ช่วยทำให้คนมาเดินซื้อของเยอะขึ้น และมีของขายหาซื้อง่าย เพราะถูกกว่าในห้าง ซึ่งส่วนตัวก็ชอบที่มีตลาดมากกว่า เพราะสามารถเดินซื้อของได้ และชอบเดินซื้อของตรงนี้มากกว่าซื้อในห้าง ส่วนใหญ่มาเดินที่นี่บ่อย เพราะทำงานแถวนี้ แต่เสียตรงที่ว่า เวลารอรถเมล์ก็ไม่มีที่ให้ยืน บางคนต้องลงไปรอข้างล่างฟุตปาธ ส่วนตอนนี้เมื่อมีการจัดระเบียบก็เดินสะดวกขึ้น
ด้าน นายประสงค์ วัฒนชัย พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง วัย 52 ปี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่มีการตั้งขายของ ซึ่งมีการจัดระเบียบก็ดีแล้ว เพราะคนขายก็คนรวยทั้งนั้น ไม่ใช่คนยากจน ที่จะมายึดพื้นที่ ซึ่งตนก็เห็นตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าเอาเปรียบ เพราะรู้ๆ กันอยู่คนที่ขายของ ไม่ใช่คนที่เดือดร้อน เขาเรียกว่า เอาเปรียบ ทั้งนี้ ตนพักอาศัยอยู่แถวหัวลำโพง ต้องมาต่อรถเมล์บริเวณหน้าสยามทุกวัน ช่วงมีตลาดลำบากมาก เพราะไม่มีช่องทางเดิน หรือต้องเดินแถวเรียงหนึ่ง ส่วนการจะกลับมายึดพื้นที่ขายคืน มองว่า ไม่มีสิทธิ เขาจัดระเบียบบ้านเมืองให้มันดีก็ดีอยู่แล้ว มันไม่ต้องเฉพาะที่สยาม อย่างปากคลองตลาด สีลม ก็ปล่อยให้ยึดกัน มันเป็นเรื่องหมักหมม จะโทษผู้ซื้อผู้ขายอย่างเดียวไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยมานาน หรือเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยด้วย ส่วนถ้าจัดระเบียบให้เป็นเช่นนี้ตลอด ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่บอกเลยว่า คนขาย มันไม่ใช่คนยากจนที่แท้จริง คนขายที่เอาเปรียบคนเมือง หากมาเดินสยามบ่อยๆ ก็จะรู้ว่าพวกนี้ขับรถเก๋งมา