xs
xsm
sm
md
lg

เภสัชกร หมอยาของคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รศ.ดร.ภญ.นุศราพร เกษสมบูรณ์
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

“ยามีคุณอนันต์ แต่มีโทษมหันต์” คำพังเพยที่คุ้นชินกันทุกคน สิ่งสำคัญคือ จะใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัย เภสัชกรจึงถือกำเนิดด้วยภารกิจที่สังคมมอบหมายให้เป็นผู้รู้เรื่องยา ตั้งแต่การพัฒนายา การผลิตยา และการใช้ยา เพื่อให้ประชาชนใช้ยาอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงจากการใช้ยา
วิชาชีพเภสัชกรรม หมายความว่า วิชาชีพที่เกี่ยวกับการกระทําในการเตรียมยา การผลิตยา การประดิษฐ์ยา การเลือกสรรยา การวิเคราะห์ยา การควบคุมและการประกันคุณภาพยา การปรุงและการจ่ายยาตามใบสั่งยาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ การปรุงยา การจ่ายยา การขายยา และการดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยยา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับยา การให้คําแนะนําปรึกษาและการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยา รวมทั้งการดําเนินการหรือร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการค้นหา ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ยา
ประเทศไทยมีเภสัชกรที่ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมมากว่า 100 ปี โดยในระยะแรก เภสัชกรมีบทบาทหลักใน 2 สาขา คือ ปรุงยาและขายยา
ปัจจุบันบทบาทของเภสัชกรขยายเป็น 7 สาขาหลัก เพื่อสนองตอบความจำเป็นของสังคมไทย คือ สาขาเภสัชกรโรงพยาบาล สาขาเภสัชกรชุมชน (ร้านยา) สาขาเภสัชกรการอุตสาหกรรม สาขาเภสัชกรการตลาด สาขาการคุ้มครองผู้บริโภค สาขาเภสัชกรด้านทะเบียนและกฎหมายผลิตภัณฑ์ และสาขาเภสัชกรการศึกษา และยังคงมีการขาดแคลนเภสัชกรในบางสาขาอยู่มาก
เมื่อพิจารณาปัจจัยหลักที่จะส่งผลให้รูปแบบความต้องการทางสุขภาพเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 - 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงวัย ตั้งแต่ประมาณปี 2543 - 2544 หรือ ความผันแปรของภูมิอากาศมีผลต่อลักษณะอากาศ ทำให้ความรุนแรงของภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นที่เภสัชกรจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และภัยพิบัติที่คุกคามความมั่นคงของประเทศ ตัวอย่างเช่น
•การจัดหา ผลิตยา และนำส่งยาไปยังบ้านของผู้ป่วยในสภาวะฉุกเฉิน
•การดูแลการใช้ยาของผู้สูงอายุ วิเคราะห์แผนการใช้ยาเพื่อให้เกิดความสมดุล ระหว่างผู้สูงอายุและรูปแบบการรักษา
•การเพิ่มศักยภาพของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยมีความเท่าทัน ด้านการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
แล้วจำนวนเภสัชกรไทยเพียงพอกับความต้องการของสังคมไทยหรือไม่ ?
การวางแผนกำลังคนด้านเภสัชศาสตร์มีความสำคัญเพื่อวิเคราะห์ความต้องการในอนาคต เตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง จากปัจจัยแวดล้อมภายนอก ในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และระบบสุขภาพที่เป็นพลวัต
ประเทศไทยมีการศึกษาความต้องการกำลังคนด้านเภสัชกรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 จนถึงปัจจุบัน พบงานวิจัยกว่า 10 ฉบับ โดยฉบับล่าสุดจัดทำโดยสภาเภสัชกรรมในปี พ.ศ. 2559 ข้อสรุปจากรายงานการวิจัยที่ผ่านมา คือ จำนวนเภสัชกรที่มีอยู่ในประเทศยังไม่เพียงพอ สังคมไทยจำเป็นต้องมีเภสัชกรเพิ่มขึ้นเพื่อดูแลการใช้ยาของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ข้อเสนอจากการศึกษากำลังคนเภสัชกรล่าสุดในปี พ.ศ. 2559 ระบุว่า จากจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้คนไทยควรจะได้รับการบริบาลเภสัชกรรมในเชิงลึกเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันเรายังขาดแคลนเภสัชกรที่ปฏิบัติงานบริบาลเภสัชกรรมในเชิงลึกในโรงพยาบาล (http://bit.ly/2rjCa7V)
นอกจากนี้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งตนเองด้านยา การเพิ่มจำนวนเภสัชกรด้านสมุนไพรจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้อนการขยายตัวของอุตสาหกรรม การตลาดสมุนไพร และการใช้สมุนไพรในโรงพยาบาล
ยามีคุณอนันต์ แต่มีโทษมหันต์ถ้าไม่มีเภสัชกรช่วยดูแล
สุดเจ๋ง! 3 หนุ่มเชียงใหม่สำเร็จพัฒนาระบบแอปพลิเคชันคุมโรงเพาะเห็ด แถมใจดีแจกฟรีด้วย
สุดเจ๋ง! 3 หนุ่มเชียงใหม่สำเร็จพัฒนาระบบแอปพลิเคชันคุมโรงเพาะเห็ด แถมใจดีแจกฟรีด้วย
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เจ๋ง! 3 หนุ่มนักกายภาพและโปรแกรมเมอร์เชียงใหม่ ประสบความสำเร็จคิดค้นออกแบบระบบและพัฒนาแอพลิเคชั่นควบคุมโรงเพาะเห็ด หลังทุ่มเวลา 2 ปี ลงมือทำจริง ประยุกต์ความรู้ด้านเทคโนโลยีทำการเกษตรหวังยึดเป็นอาชีพเสริม ชูจุดเด่นช่วยประหยัดเวลาและกำลังคนในการดูแล แถมสามารถกำหนดช่วงเห็ดออกดอกให้เก็บเกี่ยวตรงตามความต้องการได้ด้วย โดยควบคุมความชื้น,อุณหภูมิ และแสงสว่าง ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ พร้อมประกาศแจกฟรีแบบระบบควบคุมและแอพลิเคชั่นให้ผู้สนใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น