สธ. จัดตรวจสุขภาพ “ผู้ต้องขัง” ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เน้นคัดกรองโรคติดต่อ เอดส์ วัณโรค สุขภาพจิต พร้อมตรวจสอบสิทธิด้านการรักษา ให้ได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้ใกล้ชิด
หลังจาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
วันนี้ (15 ธ.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรณีที่จะมีการอภัยโทษและปล่อยตัวนักโทษในเดือนธันวาคม 2559 และต้นปี 2560 นั้น สธ.ได้กำชับให้โรงพยาบาลในพื้นที่ประสานกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ดำเนินการตรวจสุขภาพและคัดกรองโรคผู้ต้องขัง ที่จะได้รับการอภัยโทษก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัว เน้นคัดกรองโรคติดต่อและโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่อง อาทิ วัณโรค โรคเอดส์ สุขภาพจิต เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้ใกล้ชิด พร้อมตรวจสอบสิทธิด้านการรักษา การส่งตัวรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลตามภูมิลำเนาและสิทธิการรักษา ทั้งนี้ ให้ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ที่ต้องได้รับการคุ้มครองไม่ให้ถูกตีตราจากสังคม
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการจัดระบบการดูแลรักษาพยาบาลผู้ต้องขังในเรือนจำ สธ. ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงยุติธรรมมาโดยตลอด รวมทั้งได้มีการพัฒนาแนวทางการจัดระบบบริการสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำ ให้เป็นไปตามสิทธิของผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับการบริการสาธารณสุขจากรัฐ ซึ่ง สธ. ดูแลในการจัดระบบให้บริการสาธารณสุขทั้งระบบ ทั้งนี้ ระบบการดูแลสุขภาพของผู้ต้องขังในเรือนจำ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก 2 แหล่ง คือ งบรักษาพยาบาลจากกรมราชทัณฑ์ดูแลผู้ต้องขังทั่วประเทศ 321,347 คน (ข้อมูล ของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2559) และงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จัดสรรให้โรงพยาบาลในเขตพื้นที่รับผิดชอบตามรายหัวผู้ต้องขังที่มีเลข 13 หลัก
“สธ. ได้มอบให้โรงพยาบาลในพื้นที่ที่มีเรือนจำตั้งอยู่ใน 44 จังหวัด ประสานการจัดระบบบริการในเรือนจำร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ให้บริการตรวจรักษาพยาบาลการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ การฟื้นฟูสุขภาพ บริการทันตกรรม จัดระบบการให้คำปรึกษา การส่งต่อ การดูแลสุขภาพจิต ระบบอาสาสมัคร หรือผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พยาบาลในเรือนจำ รวมทั้งประเมินคุณภาพสถานพยาบาลตามมาตรฐานความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง และหากโรงพยาบาลที่ต้องรับการส่งตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำ จะพิจารณาจัดห้องพักพิเศษไว้สำหรับผู้ต้องขัง และสถานที่สำหรับนอนเฝ้าของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เหมาะสมกับการควบคุมผู้ต้องขังไม่ให้หลบหนี” ปลัด สธ. กล่าว