xs
xsm
sm
md
lg

เร่งจัดทำข้อมูลสุขภาพ “คลังยาและเวชภัณฑ์” ระดับชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สธ. จับมือ มหิดล - วช.- สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล จัดทำข้อมูลสุขภาพ “คลังยาและเวชภัณฑ์” ระดับชาติ เชื่อมโยงเป็นระบบเดียว ง่ายต่อการใช้งานและบริหารจัดการ

วันนี้ (28 พ.ย.) ที่โรงแรมมารวย การ์เดน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับผู้แทนจากเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล นายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (แห่งประเทศไทย) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ความร่วมมือทางวิชาการ การศึกษาวิจัยเพื่อออกแบบ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงสร้างพื้นฐาน ระบบบูรณาการข้อมูลสารสนเทศ และแนวทางการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้านสาธารณสุข รองรับเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทย”

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานและระบบโครงสร้างมาตรฐานข้อมูล สารสนเทศสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่ ด้านสาธารณสุข สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยที่ยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลและแลกเปลี่ยนระหว่างสมาชิก จึงมีแนวคิดจัดทำโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการ โดยใช้ระบบคลังยาและเวชภัณฑ์ทั้งโซ่อุปทาน หรือเครือข่ายโลจิสติกส์ มาประยุกต์ใช้ในงานวิจัย ซึ่งเป็นการใช้ระบบของหน่วยงาน คน เทคโนโลยี กิจกรรม ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากร มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการ จากผู้จัดหาไปยังลูกค้า โดยตั้งเป้าศึกษาวิจัยและพัฒนา 6 ระบบ คือ 1. ระบบฐานข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ 2. ระบบบริหารจัดการคลังยาและเวชภัณฑ์ เพื่อประยุกต์ใช้ในสถานบริการสุขภาพต่างๆ ของประเทศ 3. ระบบศูนย์ข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ 4. ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 5. ระบบติดตามและสอบย้อนกลับ 6. ระบบพัฒนากระบวนการโลจิสติกส์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อการจัดการโลจิสติกส์ในโรงพยาบาล

ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ศูนย์ความเป็นเลิศฯ ได้สะสมองค์ความรู้ทางด้านการจัดการโซ่อุปทานสุขภาพ ทำให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ มหาวิทยาลัยมหิดล มองเห็นถึงความสำคัญจึงได้สนับสนุนงบประมาณเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเป็น คลังสมอง (Think Tank) ด้านโลจิสติกส์ และโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศ และในปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้นำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ จึงได้ให้การสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง ซึ่งแผนงานวิจัยนี้ จะตอบสนองต่อนโยบาย/เป้าหมายรัฐบาล ด้านระบบโลจิสติกส์ประจำปี 2559 ดังนั้น การดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่ออกแบบดังกล่าวนี้ เพื่อพัฒนาโปรแกรมระบบบริหารจัดการคลังยาและเวชภัณฑ์ยาและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายในโรงพยาบาล ยังมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพ (Medical HUB) ที่ประเทศไทยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น