เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน เปิดเผยว่า โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นภัยคุกคามผู้หญิงทั่วโลก ในประเทศไทยแต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ไม่ต่ำกว่า 7,000 รายต่อปี และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษากว่า 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี วิธีป้องกันโรคที่ทั่วโลกให้การยอมรับ คือ การให้วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก (เอชพีวี) กับผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี
ดร.นพ.จรุง กล่าวต่อว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานกลางและสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปรับปรุงกลไกการพิจารณานำวัคซีนใหม่ โดยเฉพาะวัคซีนเอชพีวีมาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ล่าสุด ได้ผลักดันให้มีการบรรจุให้วัคซีนเอชพีวีอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ บัญชี จ (1) หรือยาที่อยู่ในโครงการพิเศษของกระทรวง หรือหน่วยงานรัฐ ที่ต้องมีการติดตามและประเมินผล
“คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้มีมติให้กรมควบคุมโรค และ สปสช. ร่วมกันจัดหาวัคซีนเอชพีวีให้แก่เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 จำนวน 4 แสนคน โดย สปสช. มีงบประมาณ 85 ล้านบาท และให้กรมควบคุมโรคขอรับการสนับสนุนงบกลางเพิ่มเติมจำนวน 65.19 ล้านบาท เพื่อจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ทั้งนี้ การนำวัคซีนเอชพีวีมาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคจะสามารถลดมะเร็งปากมดลูกได้กว่าร้อยละ 50” ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุ
ดร.นพ.จรุง กล่าวอีกว่า จะเสนอให้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ พิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบข้อเสนอแนวทางการสนับสนุนผู้ผลิตวัคซีนภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และจะรายงานความก้าวหน้าการปรับปรุงกลไกการพิจารณานำวัคซีนใหม่มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติรับทราบในการประชุมวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 59 นี้ด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังจะได้พิจารณาสืบเนื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... การเสนอผลการติดตามความก้าวหน้าของโครงการในวาระแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2559
สำหรับโครงการที่มีผลสำเร็จตามแผนงาน ได้แก่ 1. โครงการจัดเตรียมคลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค 2. โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ 3. โครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัคซีนโดยหน่วยงานกลาง 4. โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวัคซีนอย่างเป็นระบบ และ 5. โครงการวิจัยพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกสู่ระดับอุตสาหกรรมในประเทศ เป็นต้น
(ข่าวประชาสัมพันธ์)