ศิริราช-กรมป่าไม้ยัน “ต้นศรีตรัง” ทรงปลูกไม่ตาย แจงใบร่วงเพราะช็อกกะทันหัน เร่งฟื้นสภาพแล้ว

ศิริราช-กรมป่าไม้ ยัน “ต้นศรีตรัง” ทรงปลูก ไม่ได้ยืนต้นตาย แจงใบร่วงหมดต้นเพราะช็อกกะทันหัน ชี้รากยังสมบูรณ์ เร่งทะนุบำรุงทายากันเชื้อรา ให้ฟอสฟอรัสสูตรเข้มข้น เตรียมติด “สแลน” ตาข่ายลดระดับแสง ย้ำต้นไม้เหมือนคนมีสิทธิ์ป่วยได้

จากกรณีข่าวในสังคมออนไลน์พบ “ต้นศรีตรัง” ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงปลูกเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2554 บริเวณสวนใกล้มูลนิธิศิริราช มีลักษณะยืนต้นตาย ทิ้งใบจนหมดต้นนั้น

วันนี้ (27 ต.ค.) นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยนายประลอง ดำรงไทย รองอธิบดีกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่รุกขกร และผู้เชี่ยวชาญกว่า 10 คน ดำเนินการซ่อมแซมทะนุบำรุง “ต้นศรีตรัง” โดยได้มีการตัดแต่งกิ่ง ทาน้ำยากันเชื้อราทั้งบริเวณตาและราก รวมทั้งให้วิตามินเป็นฟอสฟอรัสสูตรเข้มข้นกลางลำต้น พร้อมปรับปรุงดินให้ร่วนซุยใส่ทรายผสม

ผศ.นพ.วิศิษฎ์กล่าวว่า โรงพยาบาลมีหน่วยปลูกต้นไม้ดูแลเป็นระยะ จากการดูแลพบว่าต้นศรีตรังมีภาวะผิดปกติมาระยะเวลาหนึ่ง อยู่ระหว่างการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด แต่มีข่าวออกไปทางโซเชียลมีเดียว่ายืนต้นตาย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ต้นไม้ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการดูแล และได้ประสานงานไปยังกรมป่าไม้ซึ่งมีรองอธิบดีกรมป่าไม้ได้รับมอบหมายให้มาดูแลเพื่อให้มาช่วยทางด้านวิชาการ ทั้งนี้ เข้าใจถึงความห่วงใยที่ประชาชนมีต่อต้นไม้ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปลูก ทางศิริราชจะดูแลอย่างดีที่สุด

“จริงๆ รพ.ศิริราช ได้ร่วมกับสำนักพระราชวังดูแลต้นไม้มาตลอด โดยทางสำนักพระราชวังได้ส่งทีมมาดูแลด้วย และก็ยังพบว่าต้นไม้ยังไม่ตาย เพียงแต่อยู่ระหว่างการดูแลฟื้นฟูในเรื่องของราก กิ่ง แต่กลับมีกระแสข่าวในโซเชียลฯ จึงอยากให้ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น ทำให้ได้ประสานกับนักวิชาการของกรมป่าไม้เข้ามาดูแลเรื่องนี้แล้ว” ผศ.นพ.วิศิษฎ์กล่าว

นายประลองกล่าวว่า จากการขูดลำต้นของต้นศรีตรังพบยังมีลักษณะเขียวอยู่แสดงว่าต้นไม้ยังไม่ตาย คาดว่าจะต้องมีการฟื้นฟูทะนุบำรุงต้นไม้ใช้เวลา 1 เดือน อย่างน้อยเชื่อว่าต้นไม้จะค่อยๆ ดีขึ้น ขณะนี้ได้เร่งตัดแต่งกิ่งทำส่วนที่แห้งออก หากตาต้นไม้ออกหรือแต่งกิ่งเขียวอีกครั้งแสดงว่าต้นไม้กลับมีมาสภาพแข็งแรงขึ้น สภาพของต้นไม้ที่เป็นอยู่ขณะนี้เชื่อว่าเกิดจากสภาวะช็อกกะทันหัน เพราะสภาพของรากยังสมบูรณ์ อาจต้องมีการควบคุมปัจจัยเรื่องของความชื้น ต้องให้กำลังใจกัน ซึ่งต้นไม้ก็เหมือนคนมีสิทธิ์ป่วยได้

นายคงศักดิ์ มีแก้ว ผอ.กลุ่มงานวนวัฒนวิจัย สำนักวิจัยและพัฒนา กรมป่าไม้ กล่าวว่า หลังจากทายากันเชื้อราแล้วจะขุดระบายน้ำรอบลำต้น เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในการเลี้ยงลำต้น เนื่องจากสภาพอากาศชื้น ประกอบกับมีฝนร่วม และต้นไม้กำลังอ่อนแอ โดยจะนำสแลนหรือตาข่ายลดระดับแสงมาใช้หลุมเพื่อป้องกันการรับแสงมากจนเกินไปจนต้นไม้อ่อนแอ ทั้งนี้ หวังว่าทุกคนจะร่วมเอาใจช่วยต้นไม้ และใส่ใจต้นไม้รอบตัวมากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งจุดประกายให้คนตระหนักและรักต้นไม้อย่างแท้จริง เหมือนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ทรงรักและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้อยู่คู่ไทย