ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ประเทศไทยลงทุนด้านการศึกษาเป็นมูลค่าสูงที่สุดมาทุก ๆ ปี ด้วยความมุ่งหวังว่าจะสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ สติปัญญา และความสามารถด้านต่าง ๆ เพื่อสืบทอดภารกิจสำคัญของประเทศชาติในอนาคต แต่มีสัญญาณเตือนบางอย่างที่น่าเป็นห่วงมากที่บ่งชี้ว่า ถ้าเราไม่ควบคุมการแพร่กระจายของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างได้ผล เราจะมีแต่เยาวชนที่เป็นภาระมากกว่าเป็นพลัง
ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยอย่างมากมายทั้งก่อโรคมะเร็ง โรคระบบประสาท ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ และโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ซึ่งนำไปสู่โรคอื่น ๆ อีกหลายชนิดตามมาและที่พูดถึงกันน้อย คือผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน
การศึกษาวิจัยในระดับนานาชาติ พบว่า สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิด มีผลกระทบทำให้ทารกที่เกิดใหม่มีความพิการรูปแบบต่าง ๆ (http://bit.ly/2e2yYnp, http://bit.ly/2eeLaTV, http://bit.ly/2eCgdJa)
ตัวอย่างสารเคมีที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุดใน10 อันดับแรกของไทย เช่น
-สารกำจัดวัชพืช ไกลโฟเสท ทำให้การเจริญเติบโตทางสมองและพฤติกรรมผิดปกติ
-สารกำจัดวัชพืช กลุ่ม Chlorophenoxy เช่น 2,4-D ทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบกล้ามเนื้อ ระบบทางเดินหายใจ และระบบผิวหนัง
-สารกำจัดแมลง Chlorpyrifos ทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของระบบหัวใจ ใบหน้า ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท
-สารเคมีกำจัดศัตรูพืชกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟสหลายชนิด ทำให้การเจริญเติบโตทางสมองและพฤติกรรมผิดปกติ ซึ่งจะมีผลต่อการเรียนรู้ในอนาคต
การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์ที่ประเทศแคนาดา พบว่า ถ้าเด็กไอคิว ลดลง 5 คะแนน จะมีผลทำให้สังคมสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึงปีละ 30,000 ล้านเหรียญแคนาดา (http://bit.ly/2ezECQd)
นอกจากนี้ การได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลาย ๆ ชนิด ทำให้เกิดภาวะเด็กสมองเล็กรอบศีรษะมีขนาดเล็กลงระบบประสาทตรงไขสันหลังผิดปกติ ภาวะไส้เลื่อนภายในบริเวณกระบังลม ความพิการแต่กำเนิดของระบบทางเดินปัสสาวะ ลูกอัณฑะไม่ลงมาที่ถุงอัณฑะและภาวะรูท่อปัสสาวะเปิดต่ำ
จากสถิติของประเทศไทย รายงานเมื่อปี พ.ศ. 2557 พบว่า เด็กไทยที่เกิดขึ้นมาใหม่ 100 ราย จะมีความพิการ เท่ากับ 8 ราย อวัยวะที่พบความพิการมาก 5 อันดับแรก ได้แก่ หัวใจ แขนขา ปากแหว่งเพดานโหว่ สมองพิการ และมีน้ำเกินในสมอง (http://bit.ly/2dAF2qY) ในขณะที่ประเทศสหภาพยุโรปพบเพียง ร้อยละ 2 (http://bit.ly/2f7PU0b)
ปัญหาสุขภาพของเด็กมีความสำคัญมาก เพราะนี่คืออนาคตของชาติ สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีผลกระทบทำให้เด็กทารกพิการแต่กำเนิดหลากหลายประเภทและยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง นับเป็นความสูญเสียอันมหาศาลถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ หมายถึงเรากำลังทำร้ายคนรุ่นใหม่ที่จะมารับช่วงการดูแลครอบครัวและประเทศชาติในอนาคต ทั้งที่โดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว
ประเทศไทยต้องมีนโยบายที่ควบคุมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตั้งแต่ต้นทาง คือ การไม่ให้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่แรก จึงจะปกป้องคุ้มครองสุขภาพของเด็กไทยได้อย่างมีประสิทธิผล
ประชาชนมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ประเทศไทยควรดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ขอเชิญไปร่วมรับฟังข้อมูลและความเห็นจากนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร่วมแสดงความคิดเห็นของท่านเอง ในงานประชุมวิชาการเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ในวันที่ 8 - 9 พฤศจิกายน 2559 ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต (http://thaipan.org/)
เพราะสุขภาพของเด็กไทยอยู่ในมือของผู้ใหญ่ทุกคน
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ประเทศไทยลงทุนด้านการศึกษาเป็นมูลค่าสูงที่สุดมาทุก ๆ ปี ด้วยความมุ่งหวังว่าจะสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ สติปัญญา และความสามารถด้านต่าง ๆ เพื่อสืบทอดภารกิจสำคัญของประเทศชาติในอนาคต แต่มีสัญญาณเตือนบางอย่างที่น่าเป็นห่วงมากที่บ่งชี้ว่า ถ้าเราไม่ควบคุมการแพร่กระจายของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างได้ผล เราจะมีแต่เยาวชนที่เป็นภาระมากกว่าเป็นพลัง
ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยอย่างมากมายทั้งก่อโรคมะเร็ง โรคระบบประสาท ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ และโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน ซึ่งนำไปสู่โรคอื่น ๆ อีกหลายชนิดตามมาและที่พูดถึงกันน้อย คือผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน
การศึกษาวิจัยในระดับนานาชาติ พบว่า สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลายชนิด มีผลกระทบทำให้ทารกที่เกิดใหม่มีความพิการรูปแบบต่าง ๆ (http://bit.ly/2e2yYnp, http://bit.ly/2eeLaTV, http://bit.ly/2eCgdJa)
ตัวอย่างสารเคมีที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุดใน10 อันดับแรกของไทย เช่น
-สารกำจัดวัชพืช ไกลโฟเสท ทำให้การเจริญเติบโตทางสมองและพฤติกรรมผิดปกติ
-สารกำจัดวัชพืช กลุ่ม Chlorophenoxy เช่น 2,4-D ทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบกล้ามเนื้อ ระบบทางเดินหายใจ และระบบผิวหนัง
-สารกำจัดแมลง Chlorpyrifos ทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของระบบหัวใจ ใบหน้า ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท
-สารเคมีกำจัดศัตรูพืชกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟสหลายชนิด ทำให้การเจริญเติบโตทางสมองและพฤติกรรมผิดปกติ ซึ่งจะมีผลต่อการเรียนรู้ในอนาคต
การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์ที่ประเทศแคนาดา พบว่า ถ้าเด็กไอคิว ลดลง 5 คะแนน จะมีผลทำให้สังคมสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึงปีละ 30,000 ล้านเหรียญแคนาดา (http://bit.ly/2ezECQd)
นอกจากนี้ การได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหลาย ๆ ชนิด ทำให้เกิดภาวะเด็กสมองเล็กรอบศีรษะมีขนาดเล็กลงระบบประสาทตรงไขสันหลังผิดปกติ ภาวะไส้เลื่อนภายในบริเวณกระบังลม ความพิการแต่กำเนิดของระบบทางเดินปัสสาวะ ลูกอัณฑะไม่ลงมาที่ถุงอัณฑะและภาวะรูท่อปัสสาวะเปิดต่ำ
จากสถิติของประเทศไทย รายงานเมื่อปี พ.ศ. 2557 พบว่า เด็กไทยที่เกิดขึ้นมาใหม่ 100 ราย จะมีความพิการ เท่ากับ 8 ราย อวัยวะที่พบความพิการมาก 5 อันดับแรก ได้แก่ หัวใจ แขนขา ปากแหว่งเพดานโหว่ สมองพิการ และมีน้ำเกินในสมอง (http://bit.ly/2dAF2qY) ในขณะที่ประเทศสหภาพยุโรปพบเพียง ร้อยละ 2 (http://bit.ly/2f7PU0b)
ปัญหาสุขภาพของเด็กมีความสำคัญมาก เพราะนี่คืออนาคตของชาติ สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีผลกระทบทำให้เด็กทารกพิการแต่กำเนิดหลากหลายประเภทและยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง นับเป็นความสูญเสียอันมหาศาลถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ หมายถึงเรากำลังทำร้ายคนรุ่นใหม่ที่จะมารับช่วงการดูแลครอบครัวและประเทศชาติในอนาคต ทั้งที่โดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว
ประเทศไทยต้องมีนโยบายที่ควบคุมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตั้งแต่ต้นทาง คือ การไม่ให้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่แรก จึงจะปกป้องคุ้มครองสุขภาพของเด็กไทยได้อย่างมีประสิทธิผล
ประชาชนมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ประเทศไทยควรดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ขอเชิญไปร่วมรับฟังข้อมูลและความเห็นจากนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร่วมแสดงความคิดเห็นของท่านเอง ในงานประชุมวิชาการเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ในวันที่ 8 - 9 พฤศจิกายน 2559 ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต (http://thaipan.org/)
เพราะสุขภาพของเด็กไทยอยู่ในมือของผู้ใหญ่ทุกคน