นักวิชาการเตือน ศธ. ปล่อย “ธุรกิจเหล้า” จัดกิจกรรมใน ร.ร. เท่ากับรับรองเป็นกิจกรรมที่ดี ชี้ จุดประสงค์หวังกล่อมเด็กเป็นพวก ปลูกฝังจดจำด้านบวกน้ำเมา เครือข่ายผู้ปกครองผิดหวังปล่อยธุรกิจน้ำเมาเข้าถึงเด็ก พูดข้อเสีย สอดแทรกข้อดี ปั้นนักดื่มหน้าใหม่ในอนาคต
วันนี้ (30 ส.ค.) นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในฐานะนักวิชาการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในโรงเรียนของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า การที่ผู้ใหญ่มองว่าธุรกิจนี้สามารถทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนได้ เพราะเป็นการช่วยเหลือสังคม เท่ากับไปรับรองว่า เป็นกิจกรรมที่ดีที่ควรเกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะงานวิจัยยืนยันชัดเจนว่า เท่ากับเป็นการสอดแทรกเนื้อหาปลูกฝังพื้นฐานเด็กเยาวชนให้เกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากที่เด็กไม่เคยรู้จัก ก็กลับทำให้ต้องรับรู้และอยากลอง โตขึ้นใคร ๆ ก็ดื่ม อีกทั้งไม่มีเหตุผลใดที่ธุรกิจนี้อยากจะลดยอดขายของตัวเองลง ไม่อยากได้กำไร จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าไม่มีอะไรแอบแฝง
“กิจกรรมที่มาจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักจะทำการตลาดสร้างการจดจำ สนใจ รู้สึกดี สร้างการจงรักภักดีกับตัวผลิตภัณฑ์ กล่อมเด็กให้เป็นพวกเขา ซึ่งในต่างประเทศ เช่น ไอร์แลนด์เขารู้เท่าทันธุรกิจนี้ โดยมีหนังสือจากกระทรวงศึกษาธิการไปยังโรงเรียนทุกแห่ง ให้ระมัดระวังกิจกรรมอะไรก็ตามที่มาจากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเห็นบทเรียนและผลกระทบในประเทศอังกฤษมาแล้ว จึงแปลกใจว่าทำไมหน่วยงานบ้านเราถึงนิ่งนอนใจ และทำอะไรไม่ได้ ปล่อยกิจกรรมธุรกิจสุราให้เข้าหาเด็กเยาวชน หรือผู้ปกครองต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ปกป้องลูกหลานแทน” นพ.อุดมศักดิ์ กล่าว
นพ.อุดมศักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจสุรามักมาในรูปแบบกีฬา ดนตรี ซึ่งเคยเข้ามาทำกิจกรรมกับเด็ก สุดท้ายทำให้เด็กเข้าใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น และต่อไปเป็นห่วงว่าจะมีกิจกรรมแอบแฝงมาในรูปแบบอื่น ๆ มากขึ้น หากภาครัฐยังไม่ชัดเจนไม่กล้าห้ามปรามป้องกัน อีกทั้งต้องสื่อสารตรงไปยังโรงเรียนทั่วประเทศให้ระมัดระวัง เพราะผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งอุบัติเหตุ ความสูญเสีย มีให้เห็นทุกวัน
นายอิมรอน เชษฐวัฒน์ แกนนำเครือข่ายกลุ่มผู้ปกครอง กล่าวว่า ในมุมผู้ปกครองรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่รู้ว่าธุรกิจสุราเป็นธุรกิจบาปที่ต้องพึงระวังไม่ให้เข้าหาตัวเด็ก แต่แทนที่จะปกป้องกลับไปส่งเสริมให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ส่งผลกับภาพลักษณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ด้วย เนื่องจากธุรกิจนี้มีเจตนาแอบแฝง สร้างภาพลักษณ์ ทุกอย่างเป็นการตลาด และ 40 โรงเรียนที่จะเข้ามาจัดกิจกรรมคงเป็นโรงเรียนชื่อดัง ทุกอย่างมีการวางแผน มีเจตนาแอบแฝงแน่นอน ขอฝากให้ ศธ. ทบทวน ต้องทันเกมธุรกิจเหล้านอก และต้องป้องกันระวังอย่างเข้มงวด เพราะแน่นอนว่าในกิจกรรมเขาไม่ได้ไปชวนให้ดื่ม แต่เขาจะพูดถึงผลกระทบและก็จะแทรกข้อดีผสมกันไป สิ่งสำคัญทำให้เด็กมองว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่พิสูจน์ความเป็นผู้ใหญ่ โตขึ้นใคร ๆ ก็ดื่ม ตรงนี้คือจุดอันตราย เป็นการปั้นนักดื่มและสร้างฐานลูกค้าในอนาคต ทำให้ยอมรับว่าสินค้าเหล้าเป็นสินค้าปกติธรรมดา ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก คนที่ได้ประโยชน์คือฝ่ายธุรกิจชัดเจน ศธ.ต้องเท่าทันไม่ตกเป็นเหยื่อ ในฐานะของคนที่เป็นพ่อมีลูกอยู่ในสถานศึกษา จึงไม่ต้องการให้มีกิจกรรมที่แอบแฝงเคลือบยาพิษแบบนี้ในโรงเรียน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่