xs
xsm
sm
md
lg

โรคภูมิแพ้ในเด็ก รู้ทัน ป้องกันได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พญ.รัตนา เพ็ญศรีชล
กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111

โรคยอดฮิตในปัจจุบันคงหนีไม่พ้น “โรคภูมิแพ้” โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ในเด็ก ซึ่งสาเหตุเกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. พันธุกรรม เมื่อมีคุณพ่อคุณแม่หรือพี่น้องที่เป็นภูมิแพ้โอกาสที่จะมีลูกที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้น และ 2. สิ่งแวดล้อมที่มากระตุ้น เช่น มลภาวะเป็นพิษ หรืออาหารต่าง ๆ มากระตุ้นเด็กที่มีความเสี่ยงเป็นภูมิแพ้ ทำให้มีอาการแสดงออกมาได้
1.สังเกตลูกน้อยอย่างไรว่าเป็นภูมิแพ้
1.1ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง จะเป็นผื่นขึ้นตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ อาจจะมีผิวแห้ง มีผื่นแดงขึ้นบริเวณตามใบหน้า หรือตามข้อพับ และเป็น ๆ หาย ๆ รวมถึงมีอาการที่คันมากทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว
1.2แพ้อาหาร
-มีอาการทางผิวหนังคือ ผื่นลมพิษ , ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
-อาการทางเดินอาหาร ถ่ายเป็นมูกเลือด , ถ่ายเหลวเรื้อรัง
-อาการระบบทางเดินหายใจ หายใจครืดคราด , หอบหืด
1.3ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
-ภูมิแพ้จมูกหรือบางคนเรียกว่า ภูมิแพ้อากาศ มีอาการคัดจมูก คันจมูก คันตา น้ำมูกไหล จามบ่อย ๆ มักเป็นเรื้อรังเป็นเดือน หรือมีอาการตามช่วงเวลา เช่น ตอนเช้าหรือก่อนนอน
-หอบหืด มีอาการไอกลางคืน หายใจมีเสียงวี๊ด โดยเฉพาะเวลาอากาศเปลี่ยน
2.ภูมิแพ้ในเด็กที่พบบ่อย แบ่งตามช่วงอายุ
2.1วัยทารก : ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง และแพ้อาหาร โดยอาหารที่ทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อย คือ นมวัว , ไข่ , ถั่วเหลือง , แป้งสาลี , อาหารทะเล , ถั่วลิสง
2.2วัยเด็กเล็ก : หอบหืด , ภูมิแพ้จมูก , ตามลำดับ
2.3วัยเด็กโต : ภูมิแพ้จมูก , หอบหืด ,ตามลำดับ
วิธีการป้องกัน สามารถทำให้ได้ตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ เน้นให้คุณแม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป อย่างไรก็ตาม เมื่อคลอดลูกแล้ว ควรเน้นให้นมแม่ก่อนอย่างน้อยประมาณ 6 เดือน และให้อาหารตามวัยอายุ 4 - 6 เดือน เวลาเริ่มอาหารก็เริ่มอาหารที่มีความเสี่ยงน้อย ๆ ก่อน เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์พวกไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา และค่อย ๆ เพิ่มอาหารทีละอย่างทุก 3 - 4 วัน และสังเกตอาการถ้าพบมีอาการผิดปกติที่สงสัยว่า จะเป็นโรคภูมิแพ้ควรรีบปรึกษาแพทย์

ติดตาม Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น