กรมการแพทย์เผย 6 สาเหตุหลักทำเกิดโรคหอบหืด “ไรฝุ่น - ขี้แมลงสาบ - เชื้อรา” ในบ้าน ตัวดีทำอาการกำเริบ ชี้ ความรุนแรงแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับความไวตอบสนองต่อสิ่งแพ้ แนะใช้ชีวิตตามปกติ แต่เลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ จัดบ้านให้สะอาดเสมอ
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหอบหืดเป็นโรคที่มีการตีบแคบของหลอดลมเป็นพัก ๆ ซึ่งเกิดจากหลอดลมมีภาวะไวเกินต่อการกระตุ้นจากสิ่งต่าง ๆ เมื่อมีการกระตุ้นจะทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมหดเกร็ง มีการบวมของเยื่อบุ และเสมหะถูกหลั่งออกมามากกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการหอบ เพื่อเอาชนะความต้านทานในทางเดินหายใจที่เพิ่มขึ้น อาการของโรค คือ หอบ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ไอ หายใจมีเสียงวีด อาการมักเกิดเป็นพัก ๆ โดยอาจเกิดอาการเมื่อออกกำลังกายหรือทำงานหนัก หรือมีอาการในเวลากลางคืน จึงนับว่าเป็นโรคที่มีความทรมานมาก ถ้ามีอาการมากจะมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมากด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อาการดังกล่าวอาจทุเลาลงได้เองหรือทุเลาภายหลังได้รับการรักษา
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า สาเหตุของโรคหอบหืด คือ 1. เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม และปัจจัยสิ่งแวดล้อมเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค 2. โรคหอบหืดส่วนหนึ่งเกิดจากโรคภูมิแพ้ สารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ ได้แก่ ไรฝุ่นบ้าน ขนแมว ขนสุนัข แมลงสาบ และ สปอร์เชื้อรา 3. ตัวไรฝุ่นที่แพร่พันธุ์ได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้น วงจรชีวิตของมันจะค่อนข้างสั้น คือ มีอายุอยู่ได้แค่ 6 - 7 เดือน แต่อุจจาระของมันสามารถอยู่แพร่เชื้อได้นานถึง 1 - 2 ปี หากไม่ทำความสะอาดเครื่องนอน จะยิ่งมีอาการแพ้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ อาหารของตัวไรฝุ่นเป็นสะเก็ดผิวหนัง ขี้รังแคของมนุษย์ 4. ขี้แมลงสาบที่แห้งเกรอะกรังตามหลืบตามมุม เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ เช่นเดียวกับขนและรังแคของสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น แมว สุนัข 5. เชื้อรามีทั้งในห้องที่เปียกชื้น และชั้นบรรยากาศทั่วไป 6. บางคนเกิดอาการเมื่อออกแรงหรือออกกำลังกาย สัมผัสกับอากาศที่เย็นจัด หรือเมื่อเกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนต้น
“ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรคหอบหืด คือ ใช้ยาไม่สม่ำเสมอ โรคหอบหืดที่เกิดจากการแพ้สปอร์ของเชื้อรา ผู้ป่วยหรือญาติไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา หลอดลมของผู้ป่วยมีความไวต่อตัวกระตุ้นอย่างรุนแรง ซึ่งสามารถทดสอบได้จากการตรวจความไวของหลอดลม รวมทั้งผู้ป่วยที่มีประวัติการจับหืดที่รุนแรงมาก่อน เคยเข้ารับการรักษาฉุกเฉินบ่อยครั้ง รวมไปถึงการที่ผู้ป่วย หรือญาติไม่เข้าใจอาการและความรุนแรงของโรค ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโรคหอบหืดเกิดจากอาการแพ้ ซึ่งความรุนแรงแต่ละรายไม่เหมือนกัน บางคนไวต่อสิ่งที่แพ้ก็จะทำให้เกิดอาการหอบหืดมาก ขณะที่บางคนมีอาการหอบหืดน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อม” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า สำหรับหลักการรักษา มีแนวทาง 3 ประการ คือ 1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้เป็นหลักอันสำคัญที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลดี 2. การใช้ยาลดการอักเสบของหลอดลม หรือยาขยายหลอดลม ส่วนมากเป็นยาพ่นทางปาก 3. การฉีดยาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างความต้านทานต่อสิ่งที่ผู้ป่วยแพ้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคหอบหืดควรดำรงชีวิตเช่นคนปกติ แต่ควรจัดที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมให้ดี ด้วยการกำจัดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ให้มีอยู่ในบ้านหรือสถานที่ทำงานให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยแพ้สิ่งนั้น ๆ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่