บอร์ด สปสช. ออกประกาศขอบเขตบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2559 เพิ่มความชัดเจนในการปฏิบัติให้ รพ. ขณะที่ประชาชนรับทราบถึงการบริการคัดกรองความเสี่ยง และการส่งเสริมสุขภาพที่ดี
นพ.กฤช ลี่ทองอิน ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนบริการระดับปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ออกประกาศประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขด้านบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2559 ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. ลงนามประกาศเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 59 เพื่อความชัดเจนในการจัดทำคำขอและแนวทางปฏิบัติเพื่อใช้จ่ายงบประมาณหมวดส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
นพ.กฤช กล่าวว่า เนื้อหาประกาศฉบับนี้ ประกอบด้วย นิยามความหมายของบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเป็นไปตามมาตรา 3 พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งให้นิยาม “บริการสร้างเสริมสุขภาพ” หมายความว่า บริการหรือกิจกรรมที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัว เพื่อสร้างเสริมความตระหนักและขีดความสามารถของบุคคลในการดูแลสุขภาพของตนเอง และ “บริการป้องกันโรค” หมายความว่า บริการหรือกิจกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัว หรือกลุ่มบุคคลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค นอกจากนี้ ยังกำหนดขอบเขตบริการสร้างเสริมสุขภาพและบริการป้องกันโรค ดังนี้
1. การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยวต่อสุขภาพและศักยภาพที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเสริมสุขภาพ 2. การสร้างเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้คำปรึษาแนะนำ การให้ความรู้และการสาธิตเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 3. การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การใช้ยา และการทำหัตถการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการเฝ้าระวังโรค และบริการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อน หรือการชะลอความรุนแรงของการป่วย โดยถือว่าเป็นการรักษาพยาบาล และ 4. รายการบริการหรือกิจกรรมบริการสร้างเสริมสุขภาพและบริการป้องกันโรค เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายประกาศ กรณีการเปลี่ยนแปลงรายการบริการหรือกิจกรรมบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการหรือสำนักงานประกาศกำหนด
นพ.กฤช กล่าวอีกว่า ประกาศประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขด้านบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฉบับนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความชัดเจนให้กับหน่วยบริการในการปฏิบัติ แต่ยังทำให้ประชาชนรับทราบถึงการบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมถึงการคัดกรองความเสี่ยงด้านสุขภาพที่จะได้รับบริการ อย่างไรก็ตาม การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ประชาชนสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องรอการบริการจากหน่วยบริการ อาทิ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที การกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม กินผักผลไม้ให้มากขึ้น ทำอารมณ์ให้แจ่มใส เลิกบุหรี่สารเสพติด ลดการดื่มสุรา ก็ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และยังสามารถทำให้โรคเหล่านี้ทุเลาลงหรือดีขี้น ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลชองประเทศได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.กฤช ลี่ทองอิน ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนบริการระดับปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ออกประกาศประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขด้านบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2559 ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. ลงนามประกาศเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 59 เพื่อความชัดเจนในการจัดทำคำขอและแนวทางปฏิบัติเพื่อใช้จ่ายงบประมาณหมวดส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
นพ.กฤช กล่าวว่า เนื้อหาประกาศฉบับนี้ ประกอบด้วย นิยามความหมายของบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเป็นไปตามมาตรา 3 พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งให้นิยาม “บริการสร้างเสริมสุขภาพ” หมายความว่า บริการหรือกิจกรรมที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัว เพื่อสร้างเสริมความตระหนักและขีดความสามารถของบุคคลในการดูแลสุขภาพของตนเอง และ “บริการป้องกันโรค” หมายความว่า บริการหรือกิจกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัว หรือกลุ่มบุคคลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค นอกจากนี้ ยังกำหนดขอบเขตบริการสร้างเสริมสุขภาพและบริการป้องกันโรค ดังนี้
1. การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยวต่อสุขภาพและศักยภาพที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเสริมสุขภาพ 2. การสร้างเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้คำปรึษาแนะนำ การให้ความรู้และการสาธิตเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 3. การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การใช้ยา และการทำหัตถการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการเฝ้าระวังโรค และบริการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อน หรือการชะลอความรุนแรงของการป่วย โดยถือว่าเป็นการรักษาพยาบาล และ 4. รายการบริการหรือกิจกรรมบริการสร้างเสริมสุขภาพและบริการป้องกันโรค เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายประกาศ กรณีการเปลี่ยนแปลงรายการบริการหรือกิจกรรมบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ให้เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการหรือสำนักงานประกาศกำหนด
นพ.กฤช กล่าวอีกว่า ประกาศประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขด้านบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฉบับนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความชัดเจนให้กับหน่วยบริการในการปฏิบัติ แต่ยังทำให้ประชาชนรับทราบถึงการบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมถึงการคัดกรองความเสี่ยงด้านสุขภาพที่จะได้รับบริการ อย่างไรก็ตาม การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ประชาชนสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องรอการบริการจากหน่วยบริการ อาทิ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที การกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม กินผักผลไม้ให้มากขึ้น ทำอารมณ์ให้แจ่มใส เลิกบุหรี่สารเสพติด ลดการดื่มสุรา ก็ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และยังสามารถทำให้โรคเหล่านี้ทุเลาลงหรือดีขี้น ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลชองประเทศได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่