xs
xsm
sm
md
lg

ตกอยู่ใน “อารมณ์เศร้า อมทุกข์ โกรธ” นาน ๆ เพิ่มโอกาสสมองเสื่อม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แพทย์ชี้อารมณ์เศร้า อมทุกข์ โกรธ ทำเซลล์สมองฝ่อ ยิ่งเศร้า ทุกข์ โกรธนาน ยิ่งเพิ่มโอกาสสมองเสื่อม ความจำใหม่ ๆ ไม่เกิดขึ้น แนะออกกำลังกาย ร่างกายหลั่งสารบีดีเอ็นเอฟ ช่วยเซลล์สมองกระฉับกระเฉง ย้ำสารเคมีบำรุงสมองตามคำโฆษณายังไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน

พญ.สิรินทร ฉันศิริกาญจน อายุรแพทย์ หน่วยเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และนายกสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม กล่าวภายในงาน “eat right eat organic เติมสุขภาพดี” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป มีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมถึง 1 ใน 3 ส่วนประเทศไทยพบผู้สูงอายุสมองบกพร่องราว 8 - 10% ของประชากรผู้สูงอายุ ถือเป็นโรคอย่างหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากกระบวนการสูงอายุ ไม่ใช่ผู้สูงอายุทุกคนต้องสมองเสื่อม เฉพาะคนที่ป่วยเท่านั้น ภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่พบว่าโรคอัลไซเมอร์ และหลอดเลือดไม่ดี ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมถึง 90% เพราะฉะนั้น คนที่ชอบกินอาหารที่มัน ควบคุมความดันโลหิตไม่ดี และไขมันในเลือดสูงก็จะมีโอกาสป่วยสูง

พญ.สิรินทร กล่าวว่า การลืมในภาวะสมองเสื่อมจะเป็นการลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลายาว ๆ ลืมทั้งเหตุการณ์ และลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ช่วง 2 - 3 วัน 1 สัปดาห์หรือ 1 เดือน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานมากแล้วจะจำได้ เช่น เหตุการณ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ จะเล่าเหตุการณ์ที่จำได้ซ้ำ ๆ เล่าเรื่องเดิม อย่างเดิม โดย 10 สัญญาณที่บ่งบอกอาการสมองเสื่อม ได้แก่ 1. การสูญเสียความทรงจำในระยะสั้นที่กระทบต่อการทำงาน 2. สิ่งที่เคยทำเป็นประจำเริ่มทำไม่เป็น 3. ปัญหาด้านภาษา เลือกคำพูดไม่ค่อยถูก 4. ไม่รู้เวลาและสถานที่ 5. สูญเสียการตัดสินใจ 6. ไม่ค่อยเข้าใจความคิดที่เป็นนามธรรม 7. วางของผิดที่แบบแปลก ๆ 8. อารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง 9. บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง และ 10. สูญเสียความคิดริเริ่ม

“คนที่ตกอยู่ในความเศร้า ทุกข์ สูญเสีย น้อยใจ หรือความโกรธ โมโห ซึ่งถือเป็นกลุ่มอารมณ์เดียวกันเป็นเวลานาน มีโอกาสที่จะเป็นสมองเสื่อมมากขึ้น เนื่องจากการที่จิตไม่เบิกบานทำให้เซลล์สมองที่บันทึกความจำ หรือสมองส่วนฮิปโปแคมปัสฝ่อลง ความจำใหม่ ๆ จะไม่เกิดขึ้น ถ้าปรับอารมณ์เหล่านี้ได้เร็วเซลล์ที่ฝ่อก็จะกลับมาดี แต่หากปล่อยให้เศร้า หดหู่ ทุกข์นาน ๆ เซลล์นี้ก็จะตายไป ไม่กลับมาอีก สมองฝ่อไปเลยเกิดเป็นสมองเสื่อม ดังนั้น จึงไม่ควรเศร้าหรือโกรธเป็นเวลานาน ให้เกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ จากนั้นให้หยุดและหาอย่างอื่นทำแทน” พญ.สิรินทร กล่าว

พญ.สิรินทร กล่าวว่า ส่วนที่มีการโฆษณามากมายในปัจจุบันว่ามีสารเคมีหลายตัวช่วยในการบำรุงสมองได้ดีนั้น ยังไม่มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่มีข้อมูลทางวิชาการชัดเจนว่า การออกกำลังกายทำให้สมองยั่งยืน จากการที่มีการหลั่งสารเอ็นโดรฟิน หรือ สารความสุข แต่หากเป็นแพทย์สมองจะเรียกว่า สารบีดีเอ็นเอฟ (BDNF: Brain-derived Neurotrophic Factor) ที่เปรียบเสมือนปุ๋ยที่มาช่วยรดเซลล์สมอง ทำให้เซลล์สมองที่อ่อนล้ากลับมากระฉับกระเฉง ทั้งนี้ ควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม ไม่ควรอดอาหารเช้า รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีโอเมก้า 3 ก็จะช่วยบำรุงสมอง ซึ่งในปลาทู ปลาสวาย

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น