สธ. เผยเปิดคลินิกชะลอไตเสื่อมใน รพ.ชุมชน 30 เตียง - รพ.ศูนย์ ครบทุกแห่งทั่วประเทศ ช่วยยืดระยะเวลาไตเสื่อม 7 ปี ประหยัดค่ารักษา เล็งเพิ่มศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะเขตสุขภาพละ 1 แห่ง เพิ่มโอกาสการเปลี่ยนไต
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการให้บริการคลินิกชะลอไตเสื่อมในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศครบ 100% ว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนไตเรื้อรัง ซึ่งมีประมาณ 7.6 ล้านคน มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 1 หมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนนี้ป่วยระยะสุดท้ายกว่า 70,000 คน ต้องฟอกเลือด หรือล้างไตทางช่องท้อง โดยค่าใช้จ่ายในการบำบัดทดแทนไต คือ 2 แสนบาทต่อคนต่อปี สธ. จึงมีนโยบายรณรงค์คัดกรองประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อค้นพบผู้ป่วยหรือมีความเสี่ยงป่วยให้เร็วขึ้น และนำเข้ารักษาให้เร็วขึ้น ลดการป่วยและเสียชีวิต โดยหากพบความเสี่ยงจะตรวจเลือดและโปรตีนในปัสสาวะ เพื่อประเมินความสามารถในการทำงานของไต เพื่อจัดระบบการรักษาให้เหมาะสมกับระยะของการเจ็บป่วย ส่งผลดีต่อผู้ป่วย เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
“ขณะนี้ได้ให้บริการคลินิกชะลอไตเสื่อมในในโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง จนถึงโรงพยาบาลศูนย์ครบทุกแห่งทั่วประเทศ โดยมีทีมสหวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ และนักโภชนากร ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวม ซึ่งเมื่อรู้เร็วจะช่วยยืดระยะเวลาไตเสื่อมไปได้อีก 7 ปี โดยหากชะลอไตเสื่อมลงได้ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการรักษาได้ประมาณจังหวัดละ 200 ล้านบาทต่อปี” รมว.สธ. กล่าว
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ. ได้กำหนดให้โรคไตเป็น 1 ใน 13 สาขาหลักที่ต้องเร่งรัดพัฒนาระบบบริการให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรการในการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 7 มาตรการ ได้แก่ 1. เฝ้าระวัง ติดตาม คัดกรองโรคและพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค และเชื่อมโยงการให้บริการจากระดับชุมชนกับสถานบริการ 2. สร้างความตระหนักให้กับประชาชนและกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วย 3. เสริมสร้างสิ่งแวดล้อมลดเสี่ยงและการจัดการโรคไตเรื้อรังโดยชุมชน ให้มีการควบคุมปริมาณโซเดียมและน้ำตาลในอาหาร ตลอดจนกำหนดมาตรฐานฉลากสินค้า 4. ให้คำปรึกษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 5. พัฒนาคุณภาพการบริการ โดยอาจให้บริการร่วมกับคลินิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีระบบการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง มีการทำงานร่วมกับชุมชน และ รพ. ในระดับที่สูงและต่ำกว่า ตลอดจนมีโปรแกรมการสอน และระบบสนับสนุนการดูแลตนเองของผู้ป่วยที่เข้ารับการพักรักษาใน รพ. 6. เสริมสร้างบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับให้มีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง มีการอบรมผู้ดูแลผู้ป่วย ตั้งแต่ อสม. จนถึงเจ้าหน้าที่ทุกสาขา และ 7. มีการติดตามและประเมินผล ซึ่งจะต้องมีการวางแนวทางการบริหารข้อมูล
นพ.โสภณ กล่าวว่า สิ่งที่ สธ.จะต้องเร่งรัดดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน คือ การรับบริจาคอวัยวะ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ลดระยะเวลารอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ เพิ่มการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และเพิ่มอัตราการคงอยู่ของอวัยวะที่ปลูกถ่าย ซึ่งขณะนี้คนบริจาคน้อยทำให้ขาดแคลนอวัยวะบริจาค รวมทั้งคุณภาพของอวัยวะที่บริจาคคุณภาพไม่ดี จึงได้มีนโยบายเพิ่มศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะเขตสุขภาพละ 1 แห่ง และเพิ่มศูนย์รับบริจาคอวัยวะในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนไตมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น สำหรับวิธีปฏิบัติชะลอไตเสื่อม 5 ข้อ คือ 1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 2. ควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตสูงให้อยู่ในระดับปกติ 3. งดเหล้า บุหรี่ 4. หลีกเลี่ยงรสเค็ม และ 5. หลีกเลี่ยงกินยาแก้ปวดเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงยา และอาหารเสริมที่ไม่มีทะเบียน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการให้บริการคลินิกชะลอไตเสื่อมในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศครบ 100% ว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนไตเรื้อรัง ซึ่งมีประมาณ 7.6 ล้านคน มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 1 หมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนนี้ป่วยระยะสุดท้ายกว่า 70,000 คน ต้องฟอกเลือด หรือล้างไตทางช่องท้อง โดยค่าใช้จ่ายในการบำบัดทดแทนไต คือ 2 แสนบาทต่อคนต่อปี สธ. จึงมีนโยบายรณรงค์คัดกรองประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อค้นพบผู้ป่วยหรือมีความเสี่ยงป่วยให้เร็วขึ้น และนำเข้ารักษาให้เร็วขึ้น ลดการป่วยและเสียชีวิต โดยหากพบความเสี่ยงจะตรวจเลือดและโปรตีนในปัสสาวะ เพื่อประเมินความสามารถในการทำงานของไต เพื่อจัดระบบการรักษาให้เหมาะสมกับระยะของการเจ็บป่วย ส่งผลดีต่อผู้ป่วย เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
“ขณะนี้ได้ให้บริการคลินิกชะลอไตเสื่อมในในโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง จนถึงโรงพยาบาลศูนย์ครบทุกแห่งทั่วประเทศ โดยมีทีมสหวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ และนักโภชนากร ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวม ซึ่งเมื่อรู้เร็วจะช่วยยืดระยะเวลาไตเสื่อมไปได้อีก 7 ปี โดยหากชะลอไตเสื่อมลงได้ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการรักษาได้ประมาณจังหวัดละ 200 ล้านบาทต่อปี” รมว.สธ. กล่าว
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ. ได้กำหนดให้โรคไตเป็น 1 ใน 13 สาขาหลักที่ต้องเร่งรัดพัฒนาระบบบริการให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรการในการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 7 มาตรการ ได้แก่ 1. เฝ้าระวัง ติดตาม คัดกรองโรคและพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค และเชื่อมโยงการให้บริการจากระดับชุมชนกับสถานบริการ 2. สร้างความตระหนักให้กับประชาชนและกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วย 3. เสริมสร้างสิ่งแวดล้อมลดเสี่ยงและการจัดการโรคไตเรื้อรังโดยชุมชน ให้มีการควบคุมปริมาณโซเดียมและน้ำตาลในอาหาร ตลอดจนกำหนดมาตรฐานฉลากสินค้า 4. ให้คำปรึกษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 5. พัฒนาคุณภาพการบริการ โดยอาจให้บริการร่วมกับคลินิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีระบบการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง มีการทำงานร่วมกับชุมชน และ รพ. ในระดับที่สูงและต่ำกว่า ตลอดจนมีโปรแกรมการสอน และระบบสนับสนุนการดูแลตนเองของผู้ป่วยที่เข้ารับการพักรักษาใน รพ. 6. เสริมสร้างบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับให้มีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง มีการอบรมผู้ดูแลผู้ป่วย ตั้งแต่ อสม. จนถึงเจ้าหน้าที่ทุกสาขา และ 7. มีการติดตามและประเมินผล ซึ่งจะต้องมีการวางแนวทางการบริหารข้อมูล
นพ.โสภณ กล่าวว่า สิ่งที่ สธ.จะต้องเร่งรัดดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน คือ การรับบริจาคอวัยวะ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ลดระยะเวลารอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ เพิ่มการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และเพิ่มอัตราการคงอยู่ของอวัยวะที่ปลูกถ่าย ซึ่งขณะนี้คนบริจาคน้อยทำให้ขาดแคลนอวัยวะบริจาค รวมทั้งคุณภาพของอวัยวะที่บริจาคคุณภาพไม่ดี จึงได้มีนโยบายเพิ่มศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะเขตสุขภาพละ 1 แห่ง และเพิ่มศูนย์รับบริจาคอวัยวะในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนไตมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น สำหรับวิธีปฏิบัติชะลอไตเสื่อม 5 ข้อ คือ 1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 2. ควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตสูงให้อยู่ในระดับปกติ 3. งดเหล้า บุหรี่ 4. หลีกเลี่ยงรสเค็ม และ 5. หลีกเลี่ยงกินยาแก้ปวดเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงยา และอาหารเสริมที่ไม่มีทะเบียน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่