สบส. ห่วงผู้สูงอายุ ช่วงอากาศร้อน เสี่ยงเกิดโรคลมแดด มีอันตรายถึงชีวิตได้ แนะลูกหลานดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังเป็นพิเศษ มั่นจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม 4 ชนิดที่มีกาเฟอีนและแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม เนื่องจากกระตุ้นให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่ายขึ้น
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ โฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า เดือนเมษายนทุกปี นอกจากจะเป็นวันสงกรานต์แล้ว ยังเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดี อยู่ในครอบครัวและชุมชนอย่างมีความสุข ทั้งนี้ จากรายงานผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2557 ไทยมีผู้สูงอายุ 10 ล้านกว่าคน ในช่วงที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ขอให้ลูกหลาน ผู้ดูแล หรือญาติใส่ใจดูแลผู้สูงอายุเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง พิการ หรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรดูแลระบบการระบายอากาศภายในบ้านที่เหมาะสม เช่น พัดลม พัดลมระบายอากาศ หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรสังเกตอาการผิดปกติของผู้สูงอายุเป็นพิเศษ โดยโรคที่อาจเกิดกับผู้สูงอายุในช่วงอากาศร้อนได้คือโรคลมแดด หรือ โรคฮีตสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งโรคนี้พบได้ไม่บ่อย แต่เมื่อเป็นแล้ว มักรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรมสบส. ได้ขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ให้เพิ่มการดูแลผู้สูงอายุในหมู่บ้านชุมชนที่รับผิดชอบ เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีอากาศร้อนจัด ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ตาก เลย หนองคาย สกลนคร กาญจนบุรี นครสวรรค์ เป็นต้น
สำหรับการป้องกันโรคลมแดด ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงอยู่ในที่มีความร้อนสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ให้สวมเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา สีโทนอ่อน ๆ เนื้อผ้าไม่หนา ระบายความร้อนได้ดี ให้จิบน้ำเปล่าทีละน้อยแต่บ่อย ๆ รวมแล้วให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน ที่สำคัญ ผู้สูงอายุไม่ควรปล่อยให้ตนเองรู้สึกกระหายน้ำเป็นเวลานาน กรณีที่เดินทางขอให้พกน้ำติดตัวไปด้วยเพื่อใช้จิบระหว่างทาง
“หน้าร้อนเครื่องดื่มคลายร้อนที่ผู้สูงอายุไม่ควรดื่ม มี 4 ชนิด ได้แก่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โดยสารกาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นไห้ไตขับน้ำออกจากร่างกายมากกว่าน้ำที่ดื่มเข้าไปทำให้ปัสสาวะบ่อยและสูญเสียน้ำในร่างกายจะยิ่งขาดน้ำรุนแรงขึ้นไปอีก” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงเป็นโรคลมแดด ได้แก่ ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้น สัญญาณอาการเฉพาะที่สังเกตได้ง่าย คือ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีเหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน อาการจะแตกต่างจากอาการเพลียแดดทั่วไปซึ่งมักจะมีเหงื่อออกด้วย ถ้าหากพบผู้สูงอายุเป็นโรคลมแดด การช่วยเหลือเบื้องต้น ขอให้นำตัวเข้าไปในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทได้ดี คลายเสื้อผ้าให้หลวม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำธรรมดาเช็ดตามร่างกายให้ทั่ว ราดลงบนแขนขาไปเรื่อย ๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายแล้วช่วยบีบนวด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ ไม่แนะนำให้นำผ้าเปียกห่มทับบนตัวผู้ป่วย เนื่องจากจะขัดขวางการระเหยของเหงื่อได้ช้าลง หากเป็นไปได้ให้ใช้ปรอทวัดไข้ วัดอุณหภูมิร่างกายเป็นพัก ๆ หากอุณหภูมิลดลงถึง 38 - 39 องศาเซลเซียส ให้ค่อย ๆ ชะลอการเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น หากผู้ป่วยมีสติแล้วให้ดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็นเป็นระยะ ๆ และหากยังไม่ดีขึ้นให้โทร.แจ้งหน่วยแพทย์กู้ชีพหมายเลข 1669
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ โฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า เดือนเมษายนทุกปี นอกจากจะเป็นวันสงกรานต์แล้ว ยังเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดี อยู่ในครอบครัวและชุมชนอย่างมีความสุข ทั้งนี้ จากรายงานผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2557 ไทยมีผู้สูงอายุ 10 ล้านกว่าคน ในช่วงที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าว ขอให้ลูกหลาน ผู้ดูแล หรือญาติใส่ใจดูแลผู้สูงอายุเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง พิการ หรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรดูแลระบบการระบายอากาศภายในบ้านที่เหมาะสม เช่น พัดลม พัดลมระบายอากาศ หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรสังเกตอาการผิดปกติของผู้สูงอายุเป็นพิเศษ โดยโรคที่อาจเกิดกับผู้สูงอายุในช่วงอากาศร้อนได้คือโรคลมแดด หรือ โรคฮีตสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งโรคนี้พบได้ไม่บ่อย แต่เมื่อเป็นแล้ว มักรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรมสบส. ได้ขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ให้เพิ่มการดูแลผู้สูงอายุในหมู่บ้านชุมชนที่รับผิดชอบ เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีอากาศร้อนจัด ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ตาก เลย หนองคาย สกลนคร กาญจนบุรี นครสวรรค์ เป็นต้น
สำหรับการป้องกันโรคลมแดด ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงอยู่ในที่มีความร้อนสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ให้สวมเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา สีโทนอ่อน ๆ เนื้อผ้าไม่หนา ระบายความร้อนได้ดี ให้จิบน้ำเปล่าทีละน้อยแต่บ่อย ๆ รวมแล้วให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน ที่สำคัญ ผู้สูงอายุไม่ควรปล่อยให้ตนเองรู้สึกกระหายน้ำเป็นเวลานาน กรณีที่เดินทางขอให้พกน้ำติดตัวไปด้วยเพื่อใช้จิบระหว่างทาง
“หน้าร้อนเครื่องดื่มคลายร้อนที่ผู้สูงอายุไม่ควรดื่ม มี 4 ชนิด ได้แก่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โดยสารกาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นไห้ไตขับน้ำออกจากร่างกายมากกว่าน้ำที่ดื่มเข้าไปทำให้ปัสสาวะบ่อยและสูญเสียน้ำในร่างกายจะยิ่งขาดน้ำรุนแรงขึ้นไปอีก” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงเป็นโรคลมแดด ได้แก่ ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้น สัญญาณอาการเฉพาะที่สังเกตได้ง่าย คือ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีเหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน อาการจะแตกต่างจากอาการเพลียแดดทั่วไปซึ่งมักจะมีเหงื่อออกด้วย ถ้าหากพบผู้สูงอายุเป็นโรคลมแดด การช่วยเหลือเบื้องต้น ขอให้นำตัวเข้าไปในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทได้ดี คลายเสื้อผ้าให้หลวม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำธรรมดาเช็ดตามร่างกายให้ทั่ว ราดลงบนแขนขาไปเรื่อย ๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายแล้วช่วยบีบนวด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ ไม่แนะนำให้นำผ้าเปียกห่มทับบนตัวผู้ป่วย เนื่องจากจะขัดขวางการระเหยของเหงื่อได้ช้าลง หากเป็นไปได้ให้ใช้ปรอทวัดไข้ วัดอุณหภูมิร่างกายเป็นพัก ๆ หากอุณหภูมิลดลงถึง 38 - 39 องศาเซลเซียส ให้ค่อย ๆ ชะลอการเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น หากผู้ป่วยมีสติแล้วให้ดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็นเป็นระยะ ๆ และหากยังไม่ดีขึ้นให้โทร.แจ้งหน่วยแพทย์กู้ชีพหมายเลข 1669
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่