xs
xsm
sm
md
lg

ท้องเสียห้ามดื่มเกลือแร่ “ORT” สำหรับคนเสียเหงื่อ ยิ่งทำถ่ายเหลว กินยาหยุดถ่ายเชื้อโรคสะสมในร่างกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สธ.เตือนท้องเสียดื่มเกลือแร่ “ORS” ห้ามดื่มเกลือแร่สำหรับผู้เสียเหงื่อ “ORT” ชี้ยิ่งทำถ่ายเหลวมากขึ้น แนะห้ามกินยาหยุดถ่าย ทำท้องอืด ท้องผูก เชื้อโรคสะสมในร่างกาย

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงหน้าร้อนประชาชนอาจมีอาการท้องร่วง หรือท้องเสีย มักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด หรือมีเชื้อโรคปน ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิ นอกจากนี้ อาการท้องเสียยังสามารถเกิดได้จากการรับประทานอาหารรสจัด หรือเกิดจากยา และโรคบางชนิด ซึ่งจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นมูกเลือดตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง อาการเหล่านี้หากมีอาการไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะเรียกว่า ท้องเสียเฉียบพลัน แต่หากนานเกิด 2 สัปดาห์จะเรียกว่า ท้องเสียเรื้อรัง โดยข้อมูลการเฝ้าระวังจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-21 มีนาคม 2559 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงแล้ว 245,988 คน จาก 78 จังหวัด

นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับวิธีดูแลตัวเองเมื่อท้องเสียในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรก ให้หยุดรับประทานอาหาร 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน ดื่มเกลือแร่สำหรับคนที่ท้องเสีย หรือโออาร์เอส (ORS) ผสมกับน้ำต้มสุก หากไม่สามารถหาซื้อโออาร์เอส สามารถเตรียมเองได้โดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือแกงครึ่งช้อนชาในน้ำที่ต้มสุก 1 ขวดน้ำปลา หรือ 750 ซีซี ละลายให้เข้ากัน เพื่อทดแทนน้ำกับเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป การเสียน้ำจากอาการท้องเสีย และไม่ควรรับประทานยาที่ทำให้หยุดถ่ายทันที จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เช่น ท้องอืด ท้องผูก และยังมีเชื้อโรคอยู่ในร่างกาย เป็นต้น

“ยังมีประชาชนเข้าใจผิด ซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับผู้เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย หรือโออาร์ที (ORT) มาดื่มเมื่อท้องเสีย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เนื่องจากอาการท้องเสียร่างกายจะขาดน้ำ และเกลือแร่ แต่ในโออาร์ทีจะมีน้ำ และน้ำตาลสูง ทำให้ร่างกายดึงน้ำ และน้ำตาลเข้ามาในทางเดินอาหาร ส่งผลให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้นกระตุ้นการถ่ายเหลวมากขึ้น ดังนั้น เมื่อท้องเสียจึงควรดื่มเกลือแร่ โอ อาร์ เอส ที่มีส่วนผสมของน้ำ และเกลือแร่” ปลัด สธ. กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น