หลังจากปิดเทอมมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าลูกชายคนโตที่เพิ่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงชั้นมหาวิทยาลัย ทำให้ดิฉันหาโอกาสในการถามไถ่ถึงช่วงเวลาความรู้สึกดี ๆ ช่วงเวลาประทับใจ ตลอดไปจนถึงเป้าหมายในอนาคตของเขา
หนึ่งในเรื่องดี ๆ ที่เจ้าลูกชายคนโตเล่าให้ฟังก็คือช่วงเวลาที่ได้รับเลือกเป็นเยาวชนคนเก่งในโครงการคัดเลือกเยาวชนคนเก่ง ในโครงการด้วยรักและห่วงใย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งได้มีโอกาสไปร่วมเข้าค่ายกับบรรดาเยาวชนคนเก่งจากทั่วประเทศ ซึ่งได้รับความประทับใจมากมายกลับมา
เรื่องราวที่พบเจอกับเพื่อน ๆ ที่ต่างพื้นที่ ต่างศาสนา ต่างเพศ ต่างประสบการณ์ ฯลฯ ทำให้เขาเล่าให้แม่ฟังแบบพรั่งพรู ดิฉันก็เลยไม่รีรอที่จะขอให้เขาถ่ายทอดออกมาผ่านงานเขียนถึงเรื่อง ครั้งหนึ่งในชีวิตกับ ‘เยาวชนคนเก่ง’ ของเขาเอง - สรวง สิทธิสมาน
…………………….
ในชั่วชีวิตคนเรา มีความประทับใจได้หลายครั้ง สำหรับของผมครั้งหนึ่งจะไม่มีวันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 นี้เอง
เมื่อวันที่ 3 - 5 กุมภาพันธ์ 2559 ผมได้มีโอกาสไปเข้าค่ายโครงการเยาวชนคนเก่งรุ่นที่ 7 ประจำปี 2558 ที่โรงแรมเมอร์เคียว ฟอร์จูน โครงการนี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า “โครงการคัดเลือกเยาวชนคนเก่ง ในโครงการด้วยรักและห่วงใย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ดำเนินการคัดเลือกโดยคณะกรรมการที่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งโครงการนี้ขึ้น จากคุณสมบัติและผลงานต่าง ๆ ของนักเรียนนักศึกษาที่ส่งชื่อตัวเองมารับการคัดเลือก ดำเนินการต่อเนื่องมา 7 ปี โดยปี 2558 นี้มีเยาวชนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 77 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัด
และแน่นอน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมได้เป็นหนึ่งใน 77 คนนั้น โดยเป็นหนึ่งในตัวแทน 16 คนของกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาในค่ายเยาวชนคนเก่งในครั้งนี้
ตลอด 3 วันที่ได้ใช้ชีวิตในค่ายยาวชนคนเก่งปีนี้ ทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่เยาวชนคนเก่งมากมายจากทุกมุมของประเทศ ทั้งชาวอีสาน ชาวเหนือ ชาวไทยมุสลิมจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งชาวเมืองกรุง ฯลฯ ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและผลงานที่โดดเด่น มีทั้งนักกีฬาทีมชาติ บางคนเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการและได้รับรางวัลกลับมา ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าบุคคลเหล่านี้ผ่านการคัดเลือกมาได้อย่างไร ในความคิดของผม ในอนาคตบุคคลเหล่านี้จะต้องมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างแน่นอน
เรื่องของกิจกรรมที่ทำตลอด 3 วันในค่าย จะเป็นการอบรมสัมมนาเรื่องบุคลิกภาพที่ดี ความกตัญญูรู้คุณ ความมีจิตสาธารณะหรือจิตอาสา และการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเน้นเรื่องคุณสมบัติของความเป็นคนดี
นอกจากนี้ ยังมีการทำ Workshop โดยแบ่งกลุ่มย่อยหลาย ๆ กลุ่ม ช่วยกันระดมสมองวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เจอในสังคมไทยปัจจุบัน เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาครอบครัว ปัญหาเรื่องการศึกษา เป็นต้น โดยวิเคราะห์สาเหตุและช่วยกันคิดวิธีการป้องกันและวิธีการแก้ปัญหา
ด้วยความคิดที่หลากหลายและความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของคนในกลุ่มทำให้งานมีคุณภาพ และยังทำให้ตัวผมเองได้มีมุมมองที่กว้างขวางยิ่งขึ้น หลังจากนั้น ก็นำงานไปนำเสนอต่อคณะกรรมการและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน ๆ นอกกลุ่ม
นอกจากกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดสติปัญญาแล้ว ยังมีกิจกรรมสังสรรค์ ร้องรำทำเพลง หรือเล่นเกมต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของคนในค่ายให้มีเครือข่ายที่แน่นแฟ้นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันในอนาคตได้
ประการสำคัญที่สุด ที่นอกเหนือจากการทำกิจกรรมในค่ายแล้ว ผมและเพื่อน ๆ เยาวชนคนเก่งรุ่น 7 ยังได้รับโอกาสอันเป็นเกียรติและเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งครั้งสำคัญในชีวิต คือ การได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีอย่างใกล้ชิดที่ศาลาดุสิตาลัย พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานรางวัล เกียรติบัตร และเข็มพระราชทาน และยังได้ร่วมฉายพระรูปร่วมกับพระองค์ด้วย
และผมได้ประดับเข็มพระราชทานที่อกเสื้อเครื่องแบบในวันปัจฉิมนิเทศ เนื่องในโอกาสสำเร็จการศึกษามัธยม 6 ที่หอประชุม โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ด้วย
หลังจากที่ผมเข้าค่ายเยาวชนคนเก่งครั้งที่ 7 ประจำปี 2558 เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ทำให้ผมได้ประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และได้รู้จักกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่มีความสามารถมากกว่าเพื่อนกลุ่มอื่นที่ผมเคยรู้จักมา
สิ่งหนึ่งที่ผมคิด และเชื่อว่า เพื่อน ๆ เยาวชนคนเก่งหลายคนก็คิดเหมือนกับผม คือวัตถุประสงค์ของค่ายนี้ที่ต้องการรวมเยาวชนที่มีความสามารถจากทั่วประเทศมาเพื่อเข้ารับการอบรมให้มีคุณสมบัติของความเป็นคนดี ทั้งความกตัญญู จิตสาธารณะ และการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ลงไปในจิตใต้สำนึก เพราะคนเราเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้อง "เก่งและดี" ถึงจะมีประโยชน์
และจากที่ผมได้เห็นรุ่นพี่เยาวชนคนเก่งรุ่นก่อนหน้าที่มาดูแลผมและเพื่อน ๆ นั้น ทำให้ผมรู้ว่า โครงการได้ประสบความสำเร็จ เพราะได้บรรลุเป้าหมายนี้ไปได้ เนื่องจากพี่ ๆ ที่ผมเห็นนั้นต่างมีความสามารถและเป็นคนดี นำความรู้ความสามารถที่มีกลับไปพัฒนาตามท้องถิ่น และบ้านเกิดของตัวเอง และยังกลับมาดูแลน้อง ๆ เยาวชนคนเก่งรุ่นต่อไปอย่างพวกผม เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่โครงการได้ปลูกฝังนั้นเป็นผลสำเร็จ และผมก็จะยึดถือพวกพี่ ๆ เป็นตัวอย่าง ให้ผมได้ดำเนินรอยตาม
ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นล้นพ้น และขอกราบขอบพระคุณคณะกรรมการที่ร่วมกันก่อตั้งโครงการเยาวชนคนเก่ง ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อสังคมไทย กราบขอบพระคุณที่เลือกผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
ผมในฐานะหนึ่งในเยาวชนคนเก่งรุ่นที่ 7 ผมมีความตั้งใจที่จะตอบแทนโครงการนี้ และสนองพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการเป็นคนดี ซื่อสัตย์ กตัญญู และมีจิตสาธารณะ ตามจุดประสงค์ของโครงการ และร่วมมือพัฒนาประเทศไทยอย่างสุดความสามารถเท่าที่ผมจะทำได้
………………………….
ดิฉันมิได้นำเรื่องนี้มาเผยแพร่เพื่อที่จะโอ้อวดลูกชายแต่ประการใด แต่อยากจะแบ่งปันพ่อแม่ว่าช่วงชีวิตของคนเราในระหว่างทางมักมีความประทับใจเสมอ ลูก ๆ ของเราก็เหมือนกัน พ่อแม่ควรถือโอกาสและหาช่วงเวลาดี ๆ ในการพูดคุย และเปิดโอกาสให้เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวประทับใจหรือเล่าสู่กันฟัง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับฟัง ให้โอกาส เปิดพื้นที่ และร่วมยินดีกับประสบการณ์ดี ๆ ของลูก เพื่อเป็นการต่อยอดชีวิตของเขาให้เติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
หนึ่งในเรื่องดี ๆ ที่เจ้าลูกชายคนโตเล่าให้ฟังก็คือช่วงเวลาที่ได้รับเลือกเป็นเยาวชนคนเก่งในโครงการคัดเลือกเยาวชนคนเก่ง ในโครงการด้วยรักและห่วงใย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งได้มีโอกาสไปร่วมเข้าค่ายกับบรรดาเยาวชนคนเก่งจากทั่วประเทศ ซึ่งได้รับความประทับใจมากมายกลับมา
เรื่องราวที่พบเจอกับเพื่อน ๆ ที่ต่างพื้นที่ ต่างศาสนา ต่างเพศ ต่างประสบการณ์ ฯลฯ ทำให้เขาเล่าให้แม่ฟังแบบพรั่งพรู ดิฉันก็เลยไม่รีรอที่จะขอให้เขาถ่ายทอดออกมาผ่านงานเขียนถึงเรื่อง ครั้งหนึ่งในชีวิตกับ ‘เยาวชนคนเก่ง’ ของเขาเอง - สรวง สิทธิสมาน
…………………….
ในชั่วชีวิตคนเรา มีความประทับใจได้หลายครั้ง สำหรับของผมครั้งหนึ่งจะไม่มีวันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 นี้เอง
เมื่อวันที่ 3 - 5 กุมภาพันธ์ 2559 ผมได้มีโอกาสไปเข้าค่ายโครงการเยาวชนคนเก่งรุ่นที่ 7 ประจำปี 2558 ที่โรงแรมเมอร์เคียว ฟอร์จูน โครงการนี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า “โครงการคัดเลือกเยาวชนคนเก่ง ในโครงการด้วยรักและห่วงใย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ดำเนินการคัดเลือกโดยคณะกรรมการที่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งโครงการนี้ขึ้น จากคุณสมบัติและผลงานต่าง ๆ ของนักเรียนนักศึกษาที่ส่งชื่อตัวเองมารับการคัดเลือก ดำเนินการต่อเนื่องมา 7 ปี โดยปี 2558 นี้มีเยาวชนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 77 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัด
และแน่นอน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมได้เป็นหนึ่งใน 77 คนนั้น โดยเป็นหนึ่งในตัวแทน 16 คนของกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาในค่ายเยาวชนคนเก่งในครั้งนี้
ตลอด 3 วันที่ได้ใช้ชีวิตในค่ายยาวชนคนเก่งปีนี้ ทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่เยาวชนคนเก่งมากมายจากทุกมุมของประเทศ ทั้งชาวอีสาน ชาวเหนือ ชาวไทยมุสลิมจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งชาวเมืองกรุง ฯลฯ ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและผลงานที่โดดเด่น มีทั้งนักกีฬาทีมชาติ บางคนเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการและได้รับรางวัลกลับมา ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าบุคคลเหล่านี้ผ่านการคัดเลือกมาได้อย่างไร ในความคิดของผม ในอนาคตบุคคลเหล่านี้จะต้องมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างแน่นอน
เรื่องของกิจกรรมที่ทำตลอด 3 วันในค่าย จะเป็นการอบรมสัมมนาเรื่องบุคลิกภาพที่ดี ความกตัญญูรู้คุณ ความมีจิตสาธารณะหรือจิตอาสา และการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเน้นเรื่องคุณสมบัติของความเป็นคนดี
นอกจากนี้ ยังมีการทำ Workshop โดยแบ่งกลุ่มย่อยหลาย ๆ กลุ่ม ช่วยกันระดมสมองวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เจอในสังคมไทยปัจจุบัน เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาครอบครัว ปัญหาเรื่องการศึกษา เป็นต้น โดยวิเคราะห์สาเหตุและช่วยกันคิดวิธีการป้องกันและวิธีการแก้ปัญหา
ด้วยความคิดที่หลากหลายและความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ของคนในกลุ่มทำให้งานมีคุณภาพ และยังทำให้ตัวผมเองได้มีมุมมองที่กว้างขวางยิ่งขึ้น หลังจากนั้น ก็นำงานไปนำเสนอต่อคณะกรรมการและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน ๆ นอกกลุ่ม
นอกจากกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดสติปัญญาแล้ว ยังมีกิจกรรมสังสรรค์ ร้องรำทำเพลง หรือเล่นเกมต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของคนในค่ายให้มีเครือข่ายที่แน่นแฟ้นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันในอนาคตได้
ประการสำคัญที่สุด ที่นอกเหนือจากการทำกิจกรรมในค่ายแล้ว ผมและเพื่อน ๆ เยาวชนคนเก่งรุ่น 7 ยังได้รับโอกาสอันเป็นเกียรติและเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งครั้งสำคัญในชีวิต คือ การได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีอย่างใกล้ชิดที่ศาลาดุสิตาลัย พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานรางวัล เกียรติบัตร และเข็มพระราชทาน และยังได้ร่วมฉายพระรูปร่วมกับพระองค์ด้วย
และผมได้ประดับเข็มพระราชทานที่อกเสื้อเครื่องแบบในวันปัจฉิมนิเทศ เนื่องในโอกาสสำเร็จการศึกษามัธยม 6 ที่หอประชุม โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ด้วย
หลังจากที่ผมเข้าค่ายเยาวชนคนเก่งครั้งที่ 7 ประจำปี 2558 เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ทำให้ผมได้ประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และได้รู้จักกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่มีความสามารถมากกว่าเพื่อนกลุ่มอื่นที่ผมเคยรู้จักมา
สิ่งหนึ่งที่ผมคิด และเชื่อว่า เพื่อน ๆ เยาวชนคนเก่งหลายคนก็คิดเหมือนกับผม คือวัตถุประสงค์ของค่ายนี้ที่ต้องการรวมเยาวชนที่มีความสามารถจากทั่วประเทศมาเพื่อเข้ารับการอบรมให้มีคุณสมบัติของความเป็นคนดี ทั้งความกตัญญู จิตสาธารณะ และการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ลงไปในจิตใต้สำนึก เพราะคนเราเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้อง "เก่งและดี" ถึงจะมีประโยชน์
และจากที่ผมได้เห็นรุ่นพี่เยาวชนคนเก่งรุ่นก่อนหน้าที่มาดูแลผมและเพื่อน ๆ นั้น ทำให้ผมรู้ว่า โครงการได้ประสบความสำเร็จ เพราะได้บรรลุเป้าหมายนี้ไปได้ เนื่องจากพี่ ๆ ที่ผมเห็นนั้นต่างมีความสามารถและเป็นคนดี นำความรู้ความสามารถที่มีกลับไปพัฒนาตามท้องถิ่น และบ้านเกิดของตัวเอง และยังกลับมาดูแลน้อง ๆ เยาวชนคนเก่งรุ่นต่อไปอย่างพวกผม เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่โครงการได้ปลูกฝังนั้นเป็นผลสำเร็จ และผมก็จะยึดถือพวกพี่ ๆ เป็นตัวอย่าง ให้ผมได้ดำเนินรอยตาม
ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นล้นพ้น และขอกราบขอบพระคุณคณะกรรมการที่ร่วมกันก่อตั้งโครงการเยาวชนคนเก่ง ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อสังคมไทย กราบขอบพระคุณที่เลือกผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
ผมในฐานะหนึ่งในเยาวชนคนเก่งรุ่นที่ 7 ผมมีความตั้งใจที่จะตอบแทนโครงการนี้ และสนองพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการเป็นคนดี ซื่อสัตย์ กตัญญู และมีจิตสาธารณะ ตามจุดประสงค์ของโครงการ และร่วมมือพัฒนาประเทศไทยอย่างสุดความสามารถเท่าที่ผมจะทำได้
………………………….
ดิฉันมิได้นำเรื่องนี้มาเผยแพร่เพื่อที่จะโอ้อวดลูกชายแต่ประการใด แต่อยากจะแบ่งปันพ่อแม่ว่าช่วงชีวิตของคนเราในระหว่างทางมักมีความประทับใจเสมอ ลูก ๆ ของเราก็เหมือนกัน พ่อแม่ควรถือโอกาสและหาช่วงเวลาดี ๆ ในการพูดคุย และเปิดโอกาสให้เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวประทับใจหรือเล่าสู่กันฟัง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับฟัง ให้โอกาส เปิดพื้นที่ และร่วมยินดีกับประสบการณ์ดี ๆ ของลูก เพื่อเป็นการต่อยอดชีวิตของเขาให้เติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่