สธ. ชวนลูกเล่นตามรอยพระยุคลบาท ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทุกด้าน เตรียมหนุนสถานบริการสาธารณสุข ศูนย์เด็กเล็กเปิดมุมเล่นตามรอยพระยุคลบาท ส่งเสริมการละเล่นแบบไทย รู้จักการเข้าสังคม สามัคคี สัมผัสธรรมชาติเพิ่มภูมิต้านทาน
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบาย “ชวนลูกเล่นตามรอยพระยุคลบาท” ว่า การเล่นตามรอยพระยุคลบาท คือ การเล่นที่ดีมีปฏิสัมพันธ์กับ “ธรรมชาติ” ที่แวดล้อมตัวเด็กทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิด ตลอดเวลาที่เด็กมีพัฒนาการด้านโครงสร้างและการทำงานของสมอง เพื่อให้สมองเจริญเติบโตได้เต็มศักยภาพต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยจะสนับสนุนให้ 1. พ่อ แม่ ผู้เลี้ยงดูเด็ก “ชวนลูกเล่นตามรอยพระยุคลบาท” ผ่านกระบวนการโรงเรียนพ่อแม่ ในสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ศูนย์เด็กเล็กและครอบครัว โดยการให้ความรู้ฝึกทักษะ การเล่น การเลี้ยงดูบุตร การปลูกฝังภูมิคุ้มกันทั้งกายและใจ ปลูกฝังวินัยเชิงบวก เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
2. สนับสนุนให้มีมุม “เล่นตามรอยพระยุคลบาท” ต้นแบบ ในสถานบริการสาธารณสุข และศูนย์เด็กเล็ก ให้พ่อแม่ผู้เลี้ยงดูเด็กได้เรียนรู้ เข้าใจ เข้าถึงบริการ และนำสู่การพัฒนาการเลี้ยงดูลูก 3. สร้างภูมิต้านทานทางสังคมแก่เด็ก ผ่านการเลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยความรักและความผูกพันได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและอาหารตามวัย 4. สร้างเด็กฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ ด้วยการเลี้ยงดูที่ถูกต้องเหมาะสมของพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเด็ก ผ่านกระบวนการกิน กอด เล่น เล่า และ 5. สนับสนุนชุมชน ท้องถิ่น ร่วมสร้างเด็กปฐมวัยไทยแข็งแรง สมองดี เตรียมพร้อมเรียนรู้สู่โลกกว้างอย่างมั่นคง
“เด็กในช่วงวัย 0 - 5 ปี เป็นช่วงอายุที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาการด้านสมอง การมองเห็น การควบคุมอารมณ์ ทักษะด้านภาษาและสังคม โดยเฉพาะในท้องถิ่นชุมชนซึ่งใกล้ชิดกับครอบครัวมากที่สุด ที่มีส่วนช่วยส่งเสริม สนับสนุนให้พ่อแม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างถูกต้อง โดยการดำเนินงานที่ผ่านมามีโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับทั่วประเทศ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้มีการพัฒนาระบบริการตามมาตรฐานงานอนามัยแม่และเด็ก และมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2558 มีโรงพยาบาลผ่านมาตรฐานงานอนามัยแม่และเด็ก จำนวน 648 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลผ่านผ่านมาตรฐานจำนวน 760 แห่ง ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพ จำนวน 10,917 แห่ง และตำบลพัฒนาการเด็กดีเริ่มที่นมแม่ผ่านมาตรฐาน 708 แห่ง” รมว.สธ. กล่าว
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า การกระตุ้นพัฒนาการเด็กต้องเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และต้องเน้นในช่วงปฐมวัยเพราะเป็นช่วงที่เด็กจะได้มีการฝึกพัฒนาการ ต้องได้รับการดูแลใส่ใจ ซึ่งในเรื่องนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุน นอกจากนี้ ยังควรให้เด็กเน้นการเล่นและเรียนกับธรรมชาติมากกว่า การใช้เทคโนโลยีเนื่องจากเทคโนโลยีนั้นฝึกไม่นานก็สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้น จึงอยากส่งเสริมให้เด็กหันมาเล่นการละเล่นแบบไทย เช่น การเล่นงูกินหาง ที่จะทำให้เด็กได้รู้จักการเข้าสังคม การใช้ชีวิตกับเพื่อน รวมถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเกิดความสามัคคี ได้สัมผัสกับธรรมชาติเล่นกับดินทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน เป็นต้น
ด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานอนามัยแม่และเด็กโดยภาพรวม พบว่าสภาวะสุขภาพของแม่และเด็กดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังพบว่าปัญหาบางประการที่ยังต้องพัฒนา โดยพบว่าหญิงตั้งครรภ์ ฝากครรภ์ครั้งแรกเมื่ออายุครรภ์น้อยกว่า หรือเท่ากับ 12 สัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 53.55 หญิงตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจาง คิดเป็นร้อยละ 29.5 ส่วนภาวะสุขภาพที่มีผลต่อพัฒนาการของเด็ก ได้แก่ อัตราทารกแรกเกิดขาดออกซิเจน 23.63 ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน อัตราทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม ร้อยละ 8.4 อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร้อยละ 29.6 เด็กแรกเกิด - 5ปี มีพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 72.8
“ทั้งนี้ การจัดสัมมนาวิชาการอนามัยแม่และเด็กครั้งที่ 8 “ชวนลูกเล่นตามรอยพระยุคลบาท เสริมสร้างเด็กไทยแข็งแรงสมองดีพร้อมเรียนรู้” และประกาศเกียรติคุณโรงพยาบาลผ่านมาตรฐานงานอนามัยแม่และเด็กในครั้งนี้ จึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่หน่วยงานในการพัฒนาคุณภาพระบบบริการ และพัฒนาบุคลากรทางด้านสาธารณสุขในการเป็นวิทยากรให้สามารถสร้างการเรียนรู้และขยายผลกิจกรรมการเล่นกับลูกไปยังพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูเด็ก และเด็กปฐมวัย ให้มีความเข้าใจเรื่องการพัฒนาทักษะสมอง อันส่งผลต่อการเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่