xs
xsm
sm
md
lg

ความสุข 7 อย่างของลูกที่พ่อแม่คาดไม่ถึง / ดร. สุพาพร เทพยสุวรรณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทุกวันนี้มีเด็ก ๆ มากมายที่ไม่ได้รับความสุขที่เหมาะสม และเพียงพอ ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะส่วนใหญ่ความสุขของพวกเขาตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่พ่อ แม่ ผู้ปกครองยัดเยียดให้ เช่น ความสำเร็จที่ได้รับจาก การเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นหรือถ้วยรางวัลที่ส่องแสงเป็นประกาย ใบประกาศนียบัตรการจบหลักสูตร การชนะการแข่งขันและชิงรางวัลต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองหยิบยื่นให้เป็นความสุขของเด็ก ๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว ความสุขของเด็ก ๆ อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ตัวผู้เขียนเองเป็นคนที่เติบโตในต่างจังหวัดเมื่อคิดถึงความสุขในวัยเด็กจะคิดถึงทุ่งนาที่ได้ไปวิ่งเล่น มีสุนัขคอยไล่ตาม การไล่จับผีเสื้อหรือได้ขึ้นไปบนกองทรายที่เป็นเหมือนภูเขาลูกโต ได้ปีนต้นมะม่วง หรือการได้ไปเก็บไข่ไก่ในตอนเช้าๆ นั่นคือความสุขที่ผู้เขียนคิดถึงในยามที่เป็นเด็ก เราลองมาดูว่าความสุขง่ายๆของเด็กๆที่พวกเขาต้องการนั้นคืออะไร

1. ได้กินอาหารตรงเวลา หลายท่านอาจจะคิดว่าข้อนี้ดูง่ายเกินไป แต่หากเราลองคิดดูว่า ถ้าหากเด็กๆต้องหิวท้องร้อง เพราะต้องการทานอาหาร แต่เราไม่มีอาหารให้เด็กตรงเวลา หรือเด็กต้อง อดกินอาหารว่างหรือต้องรอ 2 - 3 ชั่วโมง เพราะงานจัดเลี้ยงในวันพิเศษ คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ เพราะการกินอาหารตรงเวลา จะช่วยให้สมองมีการเจริญเติบโตและช่วยควบคุมอารมณ์ ทำให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เป็นโรคกระเพาะอีกด้วย สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ทำให้เด็กสงบ พอใจ และนั่นนำความสุขที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

2. การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เด็กบางคนต้องการการนอนมากกว่าเด็กอื่น การนอนหลับเป็นการช่วยพักผ่อนทั้งร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญาทำให้เราฉลาด สมองมีการเจริญเติบโตอย่างเต็ม แต่หากเด็กไม่ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ จะทำให้มีอารมณ์หงุดหงิด งอแง และไม่สามารถทำกิจกรรมหรืองานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มที่ เฉื่อยช้า ไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ การนอนให้ตรงเวลาจึงถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ทีเดียว

3. การเล่นอิสระโดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่ชี้แนะ การให้เด็กรู้จักเล่นสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง เช่น เล่นไม้บล็อก เล่นทราย เล่นน้ำ โดยการสร้างกฎกติกาด้วยตัวเองขึ้น จะช่วยให้เด็กมีความสุขมากกว่าการจัดตารางให้เด็กๆทำ กิจกรรมที่อัดยัดแน่นเอียดในแต่ละวันทำให้เด็กๆไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

4. ยอมให้เด็ก ๆ ได้แสดงอารมณ์ของตัวเองออกมา เมื่อเด็ก ๆ ตะโกนด้วยความโกรธเรามักจะบอกให้เด็กหยุด หรือเมื่อพวกเขาร้องไห้ด้วยความเศร้า เราจะบอกให้เด็กหยุดร้องไห้ ให้เราลองคิดถึงตัวเองบ้างเมื่อเรารู้สึกโกรธ หรือเศร้าเราอยากจะร้องไห้หรืออยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ อยากเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว เด็ก ๆ ก็เช่นเดียวกัน เราควรให้โอกาสเด็กได้แสดงอารมณ์ของเขาออกมาบ้าง ไม่ใช่ถูกบังคับและควบคุมอยู่ตลอดเวลา เพื่อเด็กจะได้ระบายสิ่งที่คับข้องใจออกมา

5. ให้โอกาสเด็กได้เลือกตัวเลือกด้วยตัวเอง โดยปกติเด็ก ๆ จะได้รับการควบคุมในการเลือกตัวเลือกในชีวิตอยู่ตลอดเวลา เช่น ให้ทำกิจกรรมต่างๆที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่ามีประโยชน์ ให้ทานอาหารที่มีคุณค่า คราวนี้ลองให้เด็ก ๆ เลือกตัวเลือกของเขาเองบ้าง เช่น ให้เลือกเสื้อผ้าเอง ให้เลือกร้านที่จะไปทานอาหารร่วมกัน หรือให้เลือกกิจกรรมพิเศษนอกเวลาเรียนด้วยตัวเอง นั้นจะเป็นการสอนให้เด็กรู้จักการตัดสินใจและเด็กจะรู้สึกภาคภูมิใจอีกด้วย

6. ทำให้เด็กๆแน่ใจว่าเราได้ยินในสิ่งที่เขาพูด เด็ก ๆ สามารถรับรู้ความรู้สึกของพ่อแม่ผู้ปกครองได้แม้ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ๆ ในวัยคลาน พวกเขาสามารถบอกได้ว่าตอนนี้คุณพ่อคุณแม่อารมณ์ดีหรือมีอารมณ์ไม่ดี ลูกอาจจะอยากพูดหลายสิ่งหลายอย่างให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง แต่หากคุณพ่อคุณแม่ปิดกั้นความคิดของเขา หรือขัดจังหวะการพูดจะทำให้ลูกไม่กล้าพูดและเป็นเด็กที่เก็บกดหรือไปปรึกษาเพื่อนแทน ดังนั้นให้เราแน่ใจว่าลูกรู้ว่าเราได้ยินทุกอย่างที่เขาพูด และใส่ใจในทุกคำพูด สิ่งที่เด็กๆพูดอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ การฟังลูกพูดนั้นจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และ เป็นความสัมพันธ์ที่ใสสะอาดที่สร้างได้ง่าย ๆ

7. ให้เด็ก ๆ รับรู้ว่าเรามีความรักที่ไม่มีเงื่อนไขให้สำหรับเขา เมื่อเด็ก ๆ ทำของเสียหาย กระโดดบนเบาะโซฟาห้องรับแขกเป็นประจำ หรือตีลังกาไปมาในห้องนั่งเล่น เราอาจจะบอกให้ลูกหยุดการกระทำเหล่านั้นแต่ในเวลาเดียวกันเราต้องให้ลูกรู้ว่าเรารักยังรักเขาอยู่เช่นเดิม เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าลูกจะซนหรือเรียนไม่เก่ง ช้าไม่ทันเพื่อน สุขภาพไม่แข็งแรงแต่เราก็ยังรักเขาอยู่เสมอ ให้ลูกรู้สึกมั่นใจ และรู้สึกปลอดภัย พ่อแม่เป็นที่สงบที่ลูกสามารถจะวิ่งเข้าไปหาได้เสมอ อย่าให้เราไปคิดถึงถ้วยรางวัล หรือใบประกาศนียบัตรผลการเรียนที่ดีหรือรางวัลต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ จะได้รับในชีวิต

แต่การสร้างความสุขให้กับเด็กนั้น คือ การได้ร่วมกิจกรรมร่วมกับลูก มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับลูก ฟังเมื่อลูกพูดและชื่นชมกับผลงานที่ลูกประดิษฐ์ เล่นกับลูก และเป็นเพื่อนที่ดีกับลูก เมื่อลูกมีปัญหา ของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกก็คือคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอ

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น