ผอ.สมศ. ย้ำ ข้อเสนอติดตั้ง “ซีซีทีวี” ในห้องเรียนต้องคำนึงถึงประโยชน์และคุ้มค่า แนะนำร่องบางส่วนก่อน หวั่นจับครูสอบโอเน็ต ได้คะแนนน้อยกว่านักเรียน กระทบสัมพันธภาพศิษย์ - อาจารย์ ชี้ ควรทำแบบไม่เปิดเผยคะแนน แต่ใช้คะแนนมาพัฒนาครู
วันนี้ (15 ม.ค.) ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. กล่าวถึงกรณีข้อเสนอให้มีการติดกล้องวงจรปิด หรือ ซีซีทีวี ในห้องเรียน เพื่อดูวิธีการสอนของครู และการเสนอให้มีการจัดทดสอบความรู้ของครู อาทิ แบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ว่า ข้อเสนอการติดตั้งซีซีทีวีในห้องเรียนต้องดูว่าได้ประโยชน์หรือไม่ และมีความคุ้มค่าหรือไม่ ที่สำคัญ คือ หากมีการติดตั้งแล้วจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรต่อ ซึ่งตนมองว่าอาจจะมีประโยชน์เมื่อเวลาเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วนำมาตรวจสอบ อย่าไงรก็ตาม มองว่าการติดตั้งซีซีทีวีก็ข้อดีนั้นคือ ช่วยให้ครูอยู่ในห้องเรียนมากขึ้น ทำหน้าที่ในการสอนมากขึ้น แต่ข้อเสียก็คือต้องใช้งบประมาณจำนวนมากมหาศาล
“การติดตั้งซีซีทีวีอาจเรียกได้ว่าเป็นการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ซึ่งหากมีการบันทึกข้อมูลไว้ ก็สามารถทำเป็นระบบออนไลน์ที่ สมศ. สามารถดึงข้อมูลมาใช้ในการประเมินคุณภาพสถานศึกษาภายนอกได้ ทั้งนี้ มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดใหม่ หากรีบปฏิเสธแนวคิดนี้ก็อาจจะเร็วไป จึงมองว่าอาจนำร่องทดลองติดตั้งเพียงจำนวนหนึ่งก่อนหรือไม่ เพื่อดูประโยชน์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความคุ้มค่าด้วย” ผอ.สมศ. กล่าว
ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวอีกว่า ส่วนการจัดทดสอบความรู้ของครูนั้น หากให้ครูทำข้อสอบโอเน็ตเช่นเดียวกับเด็ก ก็มีข้อกังวลว่าครูอาจทำข้อสอบได้คะแนนไม่ดีเท่าเด็ก เนื่องจากเด็กมีการเตรียมพร้อมเพื่อทำข้อสอบตลอดเวลา ไม่เหมือนครูที่มีภาระต่าง ๆ มาก ก็เปรียบเสมือนครูมวยที่หากให้ลงมาต่อยมวยเองกับนักชกก็อาจสู้ไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้ หากครูได้คะแนนไม่ดีเท่านักเรียนอาจกระทบต่อสัมพันธภาพระหว่างครูและนักเรียน เช่น ไม่เคารพครู เพราะมองว่าตนเก่งกว่า เป็นต้น ซึ่งตนมองว่าหากจะจัดทำแบบทดสอบสำหรับครูนั้น ควรทำในแบบเชิงลับ คือ ไม่เปิดเผยคะแนนให้ทราบโดยทั่วไป แต่นำคะแนนที่ได้มาใช้ในการพัฒนาครูต่อไปแบบนี้จะดีกว่า
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
