นายกสภาการพยาบาลไม่หวั่นเปิดเออีซีทำ "พยาบาล" สมองไหลไปนอกประเทศ ห่วงความมั่นคงในอาชีพผลักดันให้ลาออก พ้อไม่ได้บรรจุข้าราชการ งานหนัก เงินน้อย ค่าตอบแทนเหมาจ่ายเหลื่อมล้ำ 28 เท่า วอนจ่ายตามภาระงาน
รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนย้ายแรงงานพยาบาลหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ว่า จริงๆ มีการเคลื่อนย้ายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่วิชาชีพเหล่านี้เมื่อเข้าไปทำงานที่ประเทศใดก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ อย่างประเทศไทยก็ยังต้องคงเรื่องการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเอาไว้เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมามีแรงงานพยาบาลจากประเทศอาเซียนเข้ามาขอสอบใบประกอบวิชาชีพน้อยมาก ส่วนใหญ่เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนในลักษณะล่ามแปลภาษาให้กับคนไข้ต่างชาติ หรือเข้ามาทำงานเป็นจิตอาสา ซึ่งเมื่อเกิดการเรียนรู้ในประเทศไทยจึงมาขอสอบ ส่วนพยาบาลไทยเองนั้นไม่ค่อยออกไปทำงานนอกประเทศมากนัก
รศ.ดร.ทัศนา กล่าวว่า สำหรับศักยภาพของพยาบาลไทยถือว่ามีมาตรฐานระดับสากล ยังติดเรื่องเดียวคือภาษาอังกฤษที่ยังสื่อสารได้ไม่คล่อง สภาการพยาบาลก็กำลังพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อเสริมศักยภาพทางด้านภาษาให้กับพยาบาลไทย ซึ่งหากพยาบาลเหล่านี้สามารถสื่อสารได้คล่องแล้วนั้นตนไม่กลัวว่าพยาบาลจะออกไปทำงานต่างประเทศ เพราะตามธรรมชาติคนไทยมักอยากจะทำงานอยู่ที่บ้านตัวเองมากกว่า แต่ที่กังวลคือ เรื่องของความมั่นคงในอาชีพที่จะผลักดันให้ออกไปมากกว่า โดยเฉพาะการบรรจุเป็นข้าราชการ แต่กลับให้เป็นลูกจ้างชั่วคคราว หรือพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ที่ผ่านมาเพียงปีแรกมีพยาบาลออกไปร้อยละ 48 ปีที่ 2 ออกไปอีกร้อยละ 25 บางคนเลิกประกอบวิชาชีพพยาบาลไปเลย
"ปีที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเห็นความสำคัญก็อนุมัติให้มีการบรรจุเป็นข้าราชการในส่วนของลูกจ้างชั่วคราวที่ค้างมาหลายปี แต่ยังไม่พอ อย่างค่าตอบแทนเหมาจ่าย จ่ายมาได้อย่างไร เพราะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ คนทำงานในพื้นที่เดียวกัน ทำงานหนักเหมือนกันแต่กลับได้รับค่าตอบแทนต่างกันถึง 28 เท่า แค่คิดแบบธรรมดาๆ ถือว่ายุติธรรมหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้จ่ายตามภาระงานมากกว่า จากการศึกษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐร้อยละ 95 ต้องอยู่เวรเฉลี่ยถึง 37 เวร เท่ากับเดือนหนึ่งทำงาน 37 วัน ในขณะที่คนปกติทำงานแค่เดือนละ 20 กว่าวัน อยากให้ความยุติธรรมตรงนี้มากกว่า" นายกสภาการพยาบาล กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
