กุมารแพทย์ชี้พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังน้อย เหตุคิดไปเองเด็กเล็กมาก ยังฟังไม่เข้าใจ ยันเด็กรับรู้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ยิ่งอ่านให้ฟังเร็วยิ่งเพิ่มพัฒนาการ เผยอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ในท้องทำได้ หลังเข้าสู่ 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด แต่อย่ามากเกินไป วอนกรมอนามัยฟื้นโครงการหนังสือเล่มแรก ช่วยเปิดโอกาสพ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง
รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ หรือเด็กปฐมวัยนั้น พ่อแม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้ลูกวัยนี้ฟัง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้ แต่ปัญหาหนึ่งที่พ่อแม่ยังอ่านหนังสือให้ลูกฟังน้อย เนื่องจากไม่ทราบว่าเด็กสามารถรับรู้และเรียนรู้ได้ตั้งแต่แรกเกิด จึงไม่ได้อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรก แต่มาเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังเมื่อตอนอายุหลายขวบแล้ว ทั้งที่เด็กตั้งแต่แรกเกิดสามารถรับรู้ แสดงออก และสื่อสารได้ หากเราอ่านหนังสือให้เขาฟัง เพราะมีงานวิจัยที่ชัดเจนทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษว่า การอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรกเกิดนั้นจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีกว่า
รศ.พญ.นิชรา กล่าวว่า ตามจริงแล้วพ่อแม่สามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟังได้ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะทารกในครรภ์เริ่มรับรู้แล้ว แต่ขอให้อ่านอย่างพอเหมาะพอควร เพราะการที่ทารกยังอยู่ในครรภ์หมายถึงยังต้องได้รับการปกป้องอยู่ จึงยังไม่ควรรับการเรียนรู้อะไรที่มากเกินไป ที่สำคัญหากจะอ่านหนังสือ พ่อและแม่ก็ต้องอ่านหนังสืออย่างมีความสุขด้วย ซึ่งลูกจะสามารถรับรู้ได้ และเมื่อคลอดลูกแล้วก็ขอให้อ่านหนังสือให้ลูกฟังอย่างต่อเนื่อง อย่างทารกวัย 4 เดือนนั้นสายตาของเขาเริ่มที่จะกรอกไปมา การมองเห็นเริ่มมีมิติมากขึ้น การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เขาก็จะเริ่มมองตามตัวหนังสือที่เราอ่านให้ฟัง สะท้อนว่าเด็กมีการรับรู้ อย่างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รพ.รามาธิบดี ซึ่งเรารับเลี้ยงเด็กแต่ตั้งอายุ 4 เดือน เมื่อก่อนก็จะอ่านหนังสือให้เด็กฟังในช่วงอายุ 2-3 ขวบ แต่ปัจจุบันนี้อ่านหนังสือให้ฟังตั้งแต่อายุ 4 เดือน ซึ่งแรกๆ เจ้าหน้าที่ก็ตั้งคำถามว่าเด็กเล็กมากจะรับรู้และเข้าใจหรือไม่ แต่จากการปฏิบัติก็พบว่าเด็กมีการรับรู้อย่างชัดเจน
"การทำให้พ่อแม่เข้าใจถึงประโยชน์ของการอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรกเกิดเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนให้พ่อแม่หันมาอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เพราะต้องยอมรับว่าหนังสือสำหรับเด็กในประเทศไทยนั้นมีราคาแพง แต่ต้องทำให้พ่อแม่มีหนังสือในมือ เป็นการเปิดโอกาสให้ได้ลองพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ที่เด็กตั้งแต่แรกเกิดสามารถรับรู้การอ่านหนังสือให้ฟังได้ ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก จัดทำโครงการหนังสือเล่มแรกให้แก่เด็กแรกเกิด เพื่อให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันไม่มีการดำเนินการนี้แล้ว จึงอยากเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูโครงการหนังสือเล่มแรกอีกครั้ง เพราะเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็ก และจากการที่หน่วยพัฒนาการเด็ก คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ ลงไปแจกหนังสือให้แก่เด็กแรกเกิดที่คลินิกสุขภาพเด็กดีในพื้นที่ต่างๆ พบว่า 60-70% พ่อแม่มีการขวนขวายหาซื้อหนังสือมาอ่านให้ลูกฟังเพิ่มเติมหลังรับหนังสือแจกด้วย" รศ.พญ.นิชรา กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ หรือเด็กปฐมวัยนั้น พ่อแม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้ลูกวัยนี้ฟัง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้ แต่ปัญหาหนึ่งที่พ่อแม่ยังอ่านหนังสือให้ลูกฟังน้อย เนื่องจากไม่ทราบว่าเด็กสามารถรับรู้และเรียนรู้ได้ตั้งแต่แรกเกิด จึงไม่ได้อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรก แต่มาเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังเมื่อตอนอายุหลายขวบแล้ว ทั้งที่เด็กตั้งแต่แรกเกิดสามารถรับรู้ แสดงออก และสื่อสารได้ หากเราอ่านหนังสือให้เขาฟัง เพราะมีงานวิจัยที่ชัดเจนทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษว่า การอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรกเกิดนั้นจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีกว่า
รศ.พญ.นิชรา กล่าวว่า ตามจริงแล้วพ่อแม่สามารถอ่านหนังสือให้ลูกฟังได้ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะทารกในครรภ์เริ่มรับรู้แล้ว แต่ขอให้อ่านอย่างพอเหมาะพอควร เพราะการที่ทารกยังอยู่ในครรภ์หมายถึงยังต้องได้รับการปกป้องอยู่ จึงยังไม่ควรรับการเรียนรู้อะไรที่มากเกินไป ที่สำคัญหากจะอ่านหนังสือ พ่อและแม่ก็ต้องอ่านหนังสืออย่างมีความสุขด้วย ซึ่งลูกจะสามารถรับรู้ได้ และเมื่อคลอดลูกแล้วก็ขอให้อ่านหนังสือให้ลูกฟังอย่างต่อเนื่อง อย่างทารกวัย 4 เดือนนั้นสายตาของเขาเริ่มที่จะกรอกไปมา การมองเห็นเริ่มมีมิติมากขึ้น การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เขาก็จะเริ่มมองตามตัวหนังสือที่เราอ่านให้ฟัง สะท้อนว่าเด็กมีการรับรู้ อย่างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รพ.รามาธิบดี ซึ่งเรารับเลี้ยงเด็กแต่ตั้งอายุ 4 เดือน เมื่อก่อนก็จะอ่านหนังสือให้เด็กฟังในช่วงอายุ 2-3 ขวบ แต่ปัจจุบันนี้อ่านหนังสือให้ฟังตั้งแต่อายุ 4 เดือน ซึ่งแรกๆ เจ้าหน้าที่ก็ตั้งคำถามว่าเด็กเล็กมากจะรับรู้และเข้าใจหรือไม่ แต่จากการปฏิบัติก็พบว่าเด็กมีการรับรู้อย่างชัดเจน
"การทำให้พ่อแม่เข้าใจถึงประโยชน์ของการอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรกเกิดเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนให้พ่อแม่หันมาอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เพราะต้องยอมรับว่าหนังสือสำหรับเด็กในประเทศไทยนั้นมีราคาแพง แต่ต้องทำให้พ่อแม่มีหนังสือในมือ เป็นการเปิดโอกาสให้ได้ลองพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ที่เด็กตั้งแต่แรกเกิดสามารถรับรู้การอ่านหนังสือให้ฟังได้ ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก จัดทำโครงการหนังสือเล่มแรกให้แก่เด็กแรกเกิด เพื่อให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันไม่มีการดำเนินการนี้แล้ว จึงอยากเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูโครงการหนังสือเล่มแรกอีกครั้ง เพราะเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็ก และจากการที่หน่วยพัฒนาการเด็ก คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ ลงไปแจกหนังสือให้แก่เด็กแรกเกิดที่คลินิกสุขภาพเด็กดีในพื้นที่ต่างๆ พบว่า 60-70% พ่อแม่มีการขวนขวายหาซื้อหนังสือมาอ่านให้ลูกฟังเพิ่มเติมหลังรับหนังสือแจกด้วย" รศ.พญ.นิชรา กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่