สปสช. จับมือ สภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชชุมชน อย. จัดทำแผนยุทธศาสตร 3 ปี เดินหน้างานบริการร้านยาคุณภาพ ตั้งเป้าปี 2561 ขยายเพิ่ม 700 แห่งทั่วประเทศ จาก 360 แห่ง ช่วยประชาชนเขตเมืองเข้าถึงบริการสุขภาพ ทั้งการคัดกรองโรค ให้คำปรึกษาด้านยา ปรับพฤติกรรมเลิกบุหรี่ และให้ข้อมูลสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพ
นพ.ชูชัย ศรชำนิ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า งานบริการร้านยาคุณภาพเป็นหนึ่งในนโยบาย สปสช. ให้การสนับสนุน เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล ทั้งยังเป็นการพัฒนาบริการรูปแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมืองเข้าถึงการรักษาได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงที่สุด โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชชุมชน (ประเทศไทย) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยปี 2558 มีร้านยาคุณภาพเข้าร่วมโครงการกับ สปสช. 360 แห่ง ใน 40 จังหวัด จากร้านยาคุณภาพที่ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรม 1,001 แห่งทั่วประเทศ
นพ.ชูชัย กล่าวว่า ร้านยาคุณภาพเข้าร่วมโครงการจะมีการดำเนินงานใน 4 กิจกรรมพื้นฐานหลัก คือ 1. การคัดกรองเบื้องต้นเพื่อดูความเสี่ยงต่อโรคและให้คำแนะนำการเข้ารับบริการต่อยังหน่วยบริการรักษาพยาบาล 2. การจัดการเรื่องยา โดยให้คำแนะนำการใช้ยาที่ถูกต้องและเหมาะสม 3. การปรับพฤติกรรมเสพบุหรี่ ให้คำปรึกษาการอดและเลิกบุหรี่ และ 4. การให้ข้อมูลสิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชน เพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยร้านยาคุณภาพจะมีเภสัชกรให้คำปรึกษาตลอดเวลาทำการ ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาได้การตอบรับที่ดีทั้งจากร้านยาคุณภาพ โรงพยาบาล และประชาชนผู้รับบริการ นอกจากช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นและสร้างความปลอดภัยด้านยาให้กับประชาชนแล้ว ยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล ช่วยลดความแออัดผู้ป่วยและลดภาระงานเภสัชกรในโรงพยาบาล ขณะที่ร้านยาจะได้ชุมชนช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการร้านยาในระยะยาวต่อไป
“ผลสำรวจพฤติกรรมการดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยของประชาชนในเขต กทม. จำนวน 8,028 ครัวเรือน หรือกว่า 30,000 คน จัดทำโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปี พ.ศ. 2553 พบว่า กลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 72.8 เลือกวิธีซื้อยากินเองจากร้านยา เนื่องจากเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก เพราะมีร้านยากว่า 15,000 แห่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ โดยบางแห่งยังตั้งอยู่พื้นที่ซึ่งไม่มีหน่วยบริการ และที่สำคัญ ยังเปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00 - 20.00 น. ต่างจากหน่วยบริการที่เปิดให้บริการเฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น ร้านยาคุณภาพจึงเป็นช่องทางหนึ่งเพื่อตอบโจทย์บริการใกล้บ้านใกล้ใจได้” ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.ชูชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สปสช. ได้ร่วมกับหน่วยงานด้านยาข้างต้น เพื่อต่อยอดงานบริการร้านยาคุณภาพเพื่อขยายบริการใกล้บ้านใกล้ใจ จัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี คือ ในปี 2559 - 2561 โดยตั้งเป้าให้มีร้านยาคุณภาพเข้าร่วมโครงการกับ สปสช. เพิ่มเติม ให้ได้ร้อยละ 70 ของร้านยาคุณภาพที่ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรม หรือประมาณ 700 แห่ง ครอบคลุมในจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขตเมือง ซึ่งขณะนี้มีร้านยาคุณภาพที่สนใจเข้าร่วม โดย สปสช. จะทำการประเมินตามหลักเกณฑ์มาตรฐานเพื่อให้เป็นการบริการคุณภาพดูแลประชาชน
นพ.ชูชัย ศรชำนิ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า งานบริการร้านยาคุณภาพเป็นหนึ่งในนโยบาย สปสช. ให้การสนับสนุน เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล ทั้งยังเป็นการพัฒนาบริการรูปแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมืองเข้าถึงการรักษาได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงที่สุด โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชชุมชน (ประเทศไทย) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยปี 2558 มีร้านยาคุณภาพเข้าร่วมโครงการกับ สปสช. 360 แห่ง ใน 40 จังหวัด จากร้านยาคุณภาพที่ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรม 1,001 แห่งทั่วประเทศ
นพ.ชูชัย กล่าวว่า ร้านยาคุณภาพเข้าร่วมโครงการจะมีการดำเนินงานใน 4 กิจกรรมพื้นฐานหลัก คือ 1. การคัดกรองเบื้องต้นเพื่อดูความเสี่ยงต่อโรคและให้คำแนะนำการเข้ารับบริการต่อยังหน่วยบริการรักษาพยาบาล 2. การจัดการเรื่องยา โดยให้คำแนะนำการใช้ยาที่ถูกต้องและเหมาะสม 3. การปรับพฤติกรรมเสพบุหรี่ ให้คำปรึกษาการอดและเลิกบุหรี่ และ 4. การให้ข้อมูลสิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชน เพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยร้านยาคุณภาพจะมีเภสัชกรให้คำปรึกษาตลอดเวลาทำการ ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาได้การตอบรับที่ดีทั้งจากร้านยาคุณภาพ โรงพยาบาล และประชาชนผู้รับบริการ นอกจากช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นและสร้างความปลอดภัยด้านยาให้กับประชาชนแล้ว ยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล ช่วยลดความแออัดผู้ป่วยและลดภาระงานเภสัชกรในโรงพยาบาล ขณะที่ร้านยาจะได้ชุมชนช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการร้านยาในระยะยาวต่อไป
“ผลสำรวจพฤติกรรมการดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยของประชาชนในเขต กทม. จำนวน 8,028 ครัวเรือน หรือกว่า 30,000 คน จัดทำโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปี พ.ศ. 2553 พบว่า กลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 72.8 เลือกวิธีซื้อยากินเองจากร้านยา เนื่องจากเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก เพราะมีร้านยากว่า 15,000 แห่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ โดยบางแห่งยังตั้งอยู่พื้นที่ซึ่งไม่มีหน่วยบริการ และที่สำคัญ ยังเปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00 - 20.00 น. ต่างจากหน่วยบริการที่เปิดให้บริการเฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น ร้านยาคุณภาพจึงเป็นช่องทางหนึ่งเพื่อตอบโจทย์บริการใกล้บ้านใกล้ใจได้” ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.ชูชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สปสช. ได้ร่วมกับหน่วยงานด้านยาข้างต้น เพื่อต่อยอดงานบริการร้านยาคุณภาพเพื่อขยายบริการใกล้บ้านใกล้ใจ จัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี คือ ในปี 2559 - 2561 โดยตั้งเป้าให้มีร้านยาคุณภาพเข้าร่วมโครงการกับ สปสช. เพิ่มเติม ให้ได้ร้อยละ 70 ของร้านยาคุณภาพที่ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรม หรือประมาณ 700 แห่ง ครอบคลุมในจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขตเมือง ซึ่งขณะนี้มีร้านยาคุณภาพที่สนใจเข้าร่วม โดย สปสช. จะทำการประเมินตามหลักเกณฑ์มาตรฐานเพื่อให้เป็นการบริการคุณภาพดูแลประชาชน