แพทยสภาเร่งคลอด พ.ร.บ.สเต็มเซลล์ เพิ่มความรัดกุม ไม่ขวางการปฏิบัติงานหมอ ปกป้องประชาชนสกัดถูกหลอกลวงใช้รักษาโรคอื่นที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ
วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการวิชาการและจริยธรรมการใช้เซลล์ต้นกำเนิด และการทำวิจัยในคนด้านเซลล์ต้นกำเนิดของแพทยสภา ว่า ตามที่แพทยสภาได้เคยประกาศว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์นั้น ขณะนี้ต้องมีการควบคุม เพราะยังไม่เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐาน นอกจากโรคที่เกี่ยวกับระบบโลหิตวิทยาที่แพทยสภาได้รับรองไว้แล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ จัดเป็นโครงการวิจัยที่ต้องผ่านแพทยสภาและไม่สามารถเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยได้ แต่ปัจจุบันมีแพทย์และคลินิกหลายแห่งได้อ้างว่าใช้สเต็มเซลล์รักษาผู้ป่วยในโรคต่าง ๆ เช่น โรคอัมพาต โรคไขสันหลังบาดเจ็บ โรคเข่าเสื่อม โรคมะเร็ง ไปจนถึงการชะลอความแก่และความงาม โดยมีการโฆษณาอย่างแพร่หลายในสื่อต่าง ๆ และมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากผู้ป่วย
“แพทยสภาขอยืนยันว่าโรคเหล่านี้ยังไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ ผู้ใดพบแพทย์หรือคลินิกใดที่อวดอ้างหรือพบผู้ป่วยรายได้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สเต็มเซลล์ที่แอบอ้าง ขอให้แจ้งที่แพทยสภา หรือที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อแพทยสภาจะได้ดำเนินคดีทางด้านจริยธรรมต่อไป” นายกแพทยสภา กล่าว
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า แพทยสภาเห็นว่าควรมี พ.ร.บ. เกี่ยวกับการใช้สเต็มเซลล์ทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันแพทยสภากำลังศึกษาเพื่อให้ พ.ร.บ. มีความรัดกุมและไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานของแพทย์ในปัจจุบัน รวมทั้งสนับสนุนการก้าวหน้าของการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาผู้ป่วยในประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และปกป้องประชาชนเพื่อให้ผู้ป่วยได้ประโยชน์สูงสุด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการวิชาการและจริยธรรมการใช้เซลล์ต้นกำเนิด และการทำวิจัยในคนด้านเซลล์ต้นกำเนิดของแพทยสภา ว่า ตามที่แพทยสภาได้เคยประกาศว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์นั้น ขณะนี้ต้องมีการควบคุม เพราะยังไม่เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐาน นอกจากโรคที่เกี่ยวกับระบบโลหิตวิทยาที่แพทยสภาได้รับรองไว้แล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ จัดเป็นโครงการวิจัยที่ต้องผ่านแพทยสภาและไม่สามารถเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยได้ แต่ปัจจุบันมีแพทย์และคลินิกหลายแห่งได้อ้างว่าใช้สเต็มเซลล์รักษาผู้ป่วยในโรคต่าง ๆ เช่น โรคอัมพาต โรคไขสันหลังบาดเจ็บ โรคเข่าเสื่อม โรคมะเร็ง ไปจนถึงการชะลอความแก่และความงาม โดยมีการโฆษณาอย่างแพร่หลายในสื่อต่าง ๆ และมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากผู้ป่วย
“แพทยสภาขอยืนยันว่าโรคเหล่านี้ยังไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ ผู้ใดพบแพทย์หรือคลินิกใดที่อวดอ้างหรือพบผู้ป่วยรายได้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สเต็มเซลล์ที่แอบอ้าง ขอให้แจ้งที่แพทยสภา หรือที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อแพทยสภาจะได้ดำเนินคดีทางด้านจริยธรรมต่อไป” นายกแพทยสภา กล่าว
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า แพทยสภาเห็นว่าควรมี พ.ร.บ. เกี่ยวกับการใช้สเต็มเซลล์ทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันแพทยสภากำลังศึกษาเพื่อให้ พ.ร.บ. มีความรัดกุมและไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานของแพทย์ในปัจจุบัน รวมทั้งสนับสนุนการก้าวหน้าของการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาผู้ป่วยในประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และปกป้องประชาชนเพื่อให้ผู้ป่วยได้ประโยชน์สูงสุด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่