ไทยขยะเพิ่มขึ้นทุกปี กรมอนามัยห่วง “ขยะ” ล้นแหล่งท่องเที่ยวช่วงหยุดเทศกาล พบปีใหม่ดอยอินทนนท์ขยะล้นถึง 36,000 กิโลกรัม ห้วยน้ำดัง 1.5 หมื่นกิโลกรัม แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเก็บขยะได้มากกว่า 2 แสนชิ้น หวั่นสะสมพิษในสิ่งแวดล้อม แนะใช้ภาชนะย่อยสลายง่าย ทิ้งขยะในที่ที่จัดไว้
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รักษาการอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบันมีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามจำนวนนักท่องเที่ยวและที่พัก จากสถานการณ์ขยะมูลฝอย ปี 2551 - 2557 ของสำนักจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ พบว่า ปริมาณขยะมูลฝอยของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ย 23.93 - 26.2 ล้านตันต่อปี โดยในปี 2557 ปริมาณมูลฝอยที่เกิดขึ้น แบ่งเป็นพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ เทศบาล 10.73 ล้านตัน กทม. 3.94 ล้านตัน และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 11.52 ล้านตัน ซึ่งขยะที่เกิดขึ้นเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ เช่น หนู แมลงสาบ แมลงวัน เป็นสัตว์นำโรคต่าง ๆ มาสู่คน เช่น โรคบิด ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค เป็นต้น
นพ.วชิระ กล่าวว่า ปริมาณขยะเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นขยะที่เกิดขึ้นจากแหล่งท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลที่สำคัญ จากข้อมูลสถิติของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 พบว่า ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติ ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวในวันหยุดปีใหม่ อาทิ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีปริมาณขยะสูงสุดถึง 36,000 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพและดอยปุย มีขยะเกิดขึ้น 1,912 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีขยะเกิดขึ้น 15,200 กิโลกรัม รวมถึงอุทยานแห่งชาติในจังหวัดอื่น ๆ เช่น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณขยะเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ประมาณ 10,000 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย มีปริมาณขยะ 13,000 - 15,000 กิโลกรัม
นพ.วชิระ กล่าวว่า นอกจากนี้ แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมก็พบว่ามีขยะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจำนวนมากเช่นกัน จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่า ในปี 2552 - 2555 สามารถเก็บขยะในทะเลสะสมได้สูงถึง 216,691 ชิ้น เฉลี่ยปีละกว่า 54,000 ชิ้น ขยะที่พบส่วนใหญ่ เช่น ถุงพลาสติก เชือก ฝาและจุก กระดาษ ใบปลิว ขวดแก้วหลอดดูดน้ำ ถ้วย จาน ก้นกรองบุหรี่ เป็นต้น ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษต่อแหล่งท่องเที่ยว เช่น หาดทราย แนวปะการัง เป็นต้น ซึ่งขยะบางประเภทหากถูกทิ้งในป่า หรือทิ้งลงในทะเล สามารถสะสมความเป็นพิษในสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร เช่น โฟมบรรจุอาหาร เชือก แห อวน เมื่อสัตว์กินเข้าไป ทำให้สัตว์เคลื่อนไหวไม่ได้และตายในที่สุด
“นักท่องเที่ยวต้องช่วยกันดูแลรักษาสภาพแวดล้อมและช่วยกันตักเตือนผู้ที่ทิ้งขยะอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ควรทิ้งขยะลงในภาชนะที่จัดไว้ ไม่ใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร ควรใช้ภาชนะที่ย่อยสลายง่ายทำจากวัสดุธรรมชาติ หรือนำขยะของตนเองกลับไปทิ้งนอกแหล่งท่องเที่ยว เพื่อช่วยลดปริมาณการกำจัดขยะ และไม่ควรนำสิ่งที่จะก่อให้เกิดขยะเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม ขวด กระป๋อง หากนำเข้าไป ให้เก็บคืนออกมาให้มากที่สุด ไม่ควรก่อไฟเผาขยะในบริเวณอุทยานฯ หรือที่พัก นอกจากก่อเกิดมลพิษแล้วยังอาจทำให้เกิดไฟไหม้อีกด้วย” นพ.วชิระ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รักษาการอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบันมีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามจำนวนนักท่องเที่ยวและที่พัก จากสถานการณ์ขยะมูลฝอย ปี 2551 - 2557 ของสำนักจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ พบว่า ปริมาณขยะมูลฝอยของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ย 23.93 - 26.2 ล้านตันต่อปี โดยในปี 2557 ปริมาณมูลฝอยที่เกิดขึ้น แบ่งเป็นพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ เทศบาล 10.73 ล้านตัน กทม. 3.94 ล้านตัน และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 11.52 ล้านตัน ซึ่งขยะที่เกิดขึ้นเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ เช่น หนู แมลงสาบ แมลงวัน เป็นสัตว์นำโรคต่าง ๆ มาสู่คน เช่น โรคบิด ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค เป็นต้น
นพ.วชิระ กล่าวว่า ปริมาณขยะเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นขยะที่เกิดขึ้นจากแหล่งท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลที่สำคัญ จากข้อมูลสถิติของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 พบว่า ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติ ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวในวันหยุดปีใหม่ อาทิ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีปริมาณขยะสูงสุดถึง 36,000 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพและดอยปุย มีขยะเกิดขึ้น 1,912 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีขยะเกิดขึ้น 15,200 กิโลกรัม รวมถึงอุทยานแห่งชาติในจังหวัดอื่น ๆ เช่น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณขยะเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ประมาณ 10,000 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย มีปริมาณขยะ 13,000 - 15,000 กิโลกรัม
นพ.วชิระ กล่าวว่า นอกจากนี้ แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมก็พบว่ามีขยะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจำนวนมากเช่นกัน จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่า ในปี 2552 - 2555 สามารถเก็บขยะในทะเลสะสมได้สูงถึง 216,691 ชิ้น เฉลี่ยปีละกว่า 54,000 ชิ้น ขยะที่พบส่วนใหญ่ เช่น ถุงพลาสติก เชือก ฝาและจุก กระดาษ ใบปลิว ขวดแก้วหลอดดูดน้ำ ถ้วย จาน ก้นกรองบุหรี่ เป็นต้น ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษต่อแหล่งท่องเที่ยว เช่น หาดทราย แนวปะการัง เป็นต้น ซึ่งขยะบางประเภทหากถูกทิ้งในป่า หรือทิ้งลงในทะเล สามารถสะสมความเป็นพิษในสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร เช่น โฟมบรรจุอาหาร เชือก แห อวน เมื่อสัตว์กินเข้าไป ทำให้สัตว์เคลื่อนไหวไม่ได้และตายในที่สุด
“นักท่องเที่ยวต้องช่วยกันดูแลรักษาสภาพแวดล้อมและช่วยกันตักเตือนผู้ที่ทิ้งขยะอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ควรทิ้งขยะลงในภาชนะที่จัดไว้ ไม่ใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร ควรใช้ภาชนะที่ย่อยสลายง่ายทำจากวัสดุธรรมชาติ หรือนำขยะของตนเองกลับไปทิ้งนอกแหล่งท่องเที่ยว เพื่อช่วยลดปริมาณการกำจัดขยะ และไม่ควรนำสิ่งที่จะก่อให้เกิดขยะเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม ขวด กระป๋อง หากนำเข้าไป ให้เก็บคืนออกมาให้มากที่สุด ไม่ควรก่อไฟเผาขยะในบริเวณอุทยานฯ หรือที่พัก นอกจากก่อเกิดมลพิษแล้วยังอาจทำให้เกิดไฟไหม้อีกด้วย” นพ.วชิระ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่