กรมสุขภาพจิตเผยหลังเผชิญเหตุระเบิด อาจมีอาการโกรธ หงุดหงิด วิตก เศร้า สับสน ไม่มีสมาธิ ย้ำเป็นอาการปกติจากการเจอเหตุการณ์ไม่ปกติ หายไปเองได้ไม่เกิน 1 เดือน เว้น 5 - 10% อาจต้องพึ่งทีมสุขภาพจิตเยียวยา แนะ 8 สัญญาณเตือนบ่งชี้ต้องได้รับการช่วยเหลือ
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า หลังเกิดเหตุรุนแรงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะเกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น โกรธ หงุดหงิด วิตกกังวล เศร้า ร้องไห้ อาจมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม หรือเฉื่อยชาลงมากกว่าเดิม ครุ่นคิด คิดซ้ำ ๆ ถึงภาพและเหตุการณ์ความรุนแรงที่ได้พบ สับสน ไม่มีสมาธิ เงียบขึ้น หรือแยกตัว นอนไม่หลับ ฝันร้าย ฯลฯ ต้องขอย้ำว่า อาการดังกล่าวถือเป็นปฏิกิริยา “ปกติ” ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ “ไม่ปกติ” โดยอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป บางคนอาจมีอาการเหล่านี้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 เดือน ที่สำคัญ ต้องเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ใช่ผู้เจ็บป่วยทางจิต และไม่ใช่ผู้อ่อนแอแต่อย่างใด อาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแสดงออกทางจิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเท่านั้น
นพ.เจษฎา กล่าวว่า หากได้รับการช่วยเหลือและดูแลทางด้านจิตใจอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ มีเพียงประมาณ ร้อยละ 5 - 10 ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลและบำบัดรักษาจากจิตแพทย์ หรือทีมสุขภาพจิต ทั้งนี้ ขอให้สังเกต 8 สัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าเป็นบุคคลต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือบุคลากรสุขภาพจิต ได้แก่ 1. มีความสับสนรุนแรง รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ไม่มีอยู่จริง เหมือนกำลังฝันไป ล่องลอย 2. รู้สึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ หยุดไม่ได้ จำแต่ภาพโหดร้ายได้ติดตา ฝันร้าย ย้ำคิดแต่เรื่องเดิม ๆ 3. หลีกหนีสังคม กลัวที่กว้าง ไม่กล้าเข้าสังคม 4. ตื่นกลัวเกินเหตุ ฝันร้ายน่ากลัว ควบคุมตนเองให้มีสมาธิไม่ได้ กลัวว่าจะตาย 5. วิตกกังวลมากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ หวาดกลัวรุนแรง มีความคิดฝังใจ ประสาทมึนชา 6. ซึมเศร้าอย่างรุนแรง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ท้อแท้ ตำหนิตัวเอง หมดความสนใจในสิ่งที่ชอบ อยากตาย 7. ติดสุราและสารเสพติด และ 8. มีอาการทางจิต หลงผิด ประสาทหลอน ฯลฯ
“สำหรับการดูแลจิตใจตนเองและคนรอบข้างเมื่อประสบเหตุรุนแรง ทำได้โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช้สุรา ยาเสพติด พยายามหากิจกรรมทำให้เกิดความเพลิดเพลิน พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติ ปรึกษา พูดคุย เรื่องไม่สบายใจ หรือขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด หรือจากคนที่ไว้ใจ และ เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชมหรือสังคม เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมทางศาสนา ฯลฯ ตลอดจน ขอรับคำปรึกษา ได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทร.ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า หลังเกิดเหตุรุนแรงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะเกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น โกรธ หงุดหงิด วิตกกังวล เศร้า ร้องไห้ อาจมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม หรือเฉื่อยชาลงมากกว่าเดิม ครุ่นคิด คิดซ้ำ ๆ ถึงภาพและเหตุการณ์ความรุนแรงที่ได้พบ สับสน ไม่มีสมาธิ เงียบขึ้น หรือแยกตัว นอนไม่หลับ ฝันร้าย ฯลฯ ต้องขอย้ำว่า อาการดังกล่าวถือเป็นปฏิกิริยา “ปกติ” ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ “ไม่ปกติ” โดยอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป บางคนอาจมีอาการเหล่านี้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 เดือน ที่สำคัญ ต้องเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ใช่ผู้เจ็บป่วยทางจิต และไม่ใช่ผู้อ่อนแอแต่อย่างใด อาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแสดงออกทางจิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเท่านั้น
นพ.เจษฎา กล่าวว่า หากได้รับการช่วยเหลือและดูแลทางด้านจิตใจอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ มีเพียงประมาณ ร้อยละ 5 - 10 ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลและบำบัดรักษาจากจิตแพทย์ หรือทีมสุขภาพจิต ทั้งนี้ ขอให้สังเกต 8 สัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าเป็นบุคคลต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือบุคลากรสุขภาพจิต ได้แก่ 1. มีความสับสนรุนแรง รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ไม่มีอยู่จริง เหมือนกำลังฝันไป ล่องลอย 2. รู้สึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ หยุดไม่ได้ จำแต่ภาพโหดร้ายได้ติดตา ฝันร้าย ย้ำคิดแต่เรื่องเดิม ๆ 3. หลีกหนีสังคม กลัวที่กว้าง ไม่กล้าเข้าสังคม 4. ตื่นกลัวเกินเหตุ ฝันร้ายน่ากลัว ควบคุมตนเองให้มีสมาธิไม่ได้ กลัวว่าจะตาย 5. วิตกกังวลมากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ หวาดกลัวรุนแรง มีความคิดฝังใจ ประสาทมึนชา 6. ซึมเศร้าอย่างรุนแรง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ท้อแท้ ตำหนิตัวเอง หมดความสนใจในสิ่งที่ชอบ อยากตาย 7. ติดสุราและสารเสพติด และ 8. มีอาการทางจิต หลงผิด ประสาทหลอน ฯลฯ
“สำหรับการดูแลจิตใจตนเองและคนรอบข้างเมื่อประสบเหตุรุนแรง ทำได้โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช้สุรา ยาเสพติด พยายามหากิจกรรมทำให้เกิดความเพลิดเพลิน พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติ ปรึกษา พูดคุย เรื่องไม่สบายใจ หรือขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด หรือจากคนที่ไว้ใจ และ เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชมหรือสังคม เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมทางศาสนา ฯลฯ ตลอดจน ขอรับคำปรึกษา ได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทร.ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่