ไทยป่วยตาแดงพุ่งกว่า 70,000 ราย เผย หลายพื้นที่น้ำขัง โอกาสเสี่ยงยิ่งสูง แนะเป็นโรคตาแดงให้หยุดงาน พักผ่อนมาก ๆ พักการใช้สายตา ใช้ยาหยอดตาลดการระคายเคือง หากไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์ ย้ำล้างมือบ่อย ๆ ช่วยป้องกัน
วันนี้ (12 ส.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ พบว่า โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสมักระบาดในช่วงเวลานี้ โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ส.ค. 2558 พบผู้ป่วยแล้ว 70,830 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดตามลําดับ คือ 45 - 54 ปี จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด คือ อุบลราชธานี ทั้งนี้ กรมฯได้ขอความร่วมมือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคตาแดง โดยเฉพาะตามโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก รวมทั้งในพื้นที่น้ำท่วม สำหรับโรคตาแดงอาการไม่รุนแรง แต่ติดต่อกันง่าย เนื่องจากเชื้อไวรัสจะอยู่ในสิ่งสกปรก น้ำตา ขี้ตาของผู้ที่เป็นตาแดง ซึ่งการติดต่อจะมี 3 ลักษณะ คือ 1. จากการสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ ร่วมกันกับผู้ป่วยตาแดง แล้วมาสัมผัสที่ตา 2. จากแมลงหวี่แมลงวัน และ 3. จากการลงเล่นในน้ำท่วมขัง หรือน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา โดยหลังจากติดเชื้อภายใน 2 - 14 วัน จะมีอาการเคืองตา คันตา ตาแดง น้ำตาไหล มีขี้ตามาก มักเริ่มจากตาข้างหนึ่งก่อน แล้วลามไปยังตาอีกข้างหนึ่งภายใน 2 - 3 วัน
“โรคตาแดงที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่มียารักษาเฉพาะ จะรักษาตามอาการ คือ ใช้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการระคายเคือง ควรระวังไม่ใช้ยาหยอดตาร่วมกัน เนื่องจากเชื้ออาจติดอยู่ที่ปากขวดยาหยอดตาได้ และควรหยุดเรียน หรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน พักผ่อนให้มาก ๆ และพักการใช้สายตา ส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายภายใน 1 - 2 สัปดาห์ แต่หากยังมีอาการระคายเคืองเหมือนมีทรายเข้าตา ตามัว ปวดตารุนแรง หรืออาการตาแดงไม่ทุเลาภายใน 7 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอย่างละเอียดและให้การรักษาอย่างเหมาะสม” อธิบดี คร. กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวว่า การดูแลรักษาโรคตาแดงด้วยตนเองในเบื้องต้น ทำได้โดยใช้กระดาษนุ่ม ๆ ซับน้ำตา หรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดขี้ตาและบริเวณเปลือกตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เนื่องจากเชื้อจะสะสมที่ผ้าเช็ดหน้าและแพร่ไปติดคนอื่นได้ ต้องงดใส่คอนแทกเลนส์จนกว่าตาจะหายอักเสบ และใส่แว่นกันแดด เพื่อลดการระคายเคืองแสง และไม่ควรใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา และเครื่องนอน เพื่อป้องกันโรคแพร่ระบาด ส่วนการป้องกันขอให้ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้า ขยี้ตา รักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่ลงไปในน้ำท่วม หากจำเป็นขอให้รีบอาบน้ำให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากน้ำ ส่วนผู้เป็นโรคตาแดง ขอให้งดลงสระว่ายน้ำจนกว่าจะหาย เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายในน้ำ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 ส.ค.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ พบว่า โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสมักระบาดในช่วงเวลานี้ โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ส.ค. 2558 พบผู้ป่วยแล้ว 70,830 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดตามลําดับ คือ 45 - 54 ปี จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด คือ อุบลราชธานี ทั้งนี้ กรมฯได้ขอความร่วมมือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคตาแดง โดยเฉพาะตามโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก รวมทั้งในพื้นที่น้ำท่วม สำหรับโรคตาแดงอาการไม่รุนแรง แต่ติดต่อกันง่าย เนื่องจากเชื้อไวรัสจะอยู่ในสิ่งสกปรก น้ำตา ขี้ตาของผู้ที่เป็นตาแดง ซึ่งการติดต่อจะมี 3 ลักษณะ คือ 1. จากการสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ ร่วมกันกับผู้ป่วยตาแดง แล้วมาสัมผัสที่ตา 2. จากแมลงหวี่แมลงวัน และ 3. จากการลงเล่นในน้ำท่วมขัง หรือน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา โดยหลังจากติดเชื้อภายใน 2 - 14 วัน จะมีอาการเคืองตา คันตา ตาแดง น้ำตาไหล มีขี้ตามาก มักเริ่มจากตาข้างหนึ่งก่อน แล้วลามไปยังตาอีกข้างหนึ่งภายใน 2 - 3 วัน
“โรคตาแดงที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่มียารักษาเฉพาะ จะรักษาตามอาการ คือ ใช้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการระคายเคือง ควรระวังไม่ใช้ยาหยอดตาร่วมกัน เนื่องจากเชื้ออาจติดอยู่ที่ปากขวดยาหยอดตาได้ และควรหยุดเรียน หรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน พักผ่อนให้มาก ๆ และพักการใช้สายตา ส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายภายใน 1 - 2 สัปดาห์ แต่หากยังมีอาการระคายเคืองเหมือนมีทรายเข้าตา ตามัว ปวดตารุนแรง หรืออาการตาแดงไม่ทุเลาภายใน 7 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอย่างละเอียดและให้การรักษาอย่างเหมาะสม” อธิบดี คร. กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวว่า การดูแลรักษาโรคตาแดงด้วยตนเองในเบื้องต้น ทำได้โดยใช้กระดาษนุ่ม ๆ ซับน้ำตา หรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดขี้ตาและบริเวณเปลือกตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เนื่องจากเชื้อจะสะสมที่ผ้าเช็ดหน้าและแพร่ไปติดคนอื่นได้ ต้องงดใส่คอนแทกเลนส์จนกว่าตาจะหายอักเสบ และใส่แว่นกันแดด เพื่อลดการระคายเคืองแสง และไม่ควรใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา และเครื่องนอน เพื่อป้องกันโรคแพร่ระบาด ส่วนการป้องกันขอให้ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้า ขยี้ตา รักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่ลงไปในน้ำท่วม หากจำเป็นขอให้รีบอาบน้ำให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากน้ำ ส่วนผู้เป็นโรคตาแดง ขอให้งดลงสระว่ายน้ำจนกว่าจะหาย เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายในน้ำ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่