โดย...พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารเวชศาสตร์พัฒนาการและพฤติกรรม รพ.เวชธานี
เด็กในช่วงอายุ 1 - 3 ปี หลายท่านคงเคยได้ยินคำเรียกเด็กวัยนี้ว่า “วัยต่อต้าน” เพราะเมื่อเด็กวัยนี้รู้สึกคับข้องใจ โกรธ หรือผิดหวัง พวกเขามักแสดงออกโดยการร้องไห้ แผดเสียง หรือกระทืบเท้าไปมา ซึ่งบางครั้งทำให้ผู้ปกครองรู้สึกโกรธ หรืออับอายได้ อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กเพื่อที่จะเรียนรู้การควบคุมตนเอง และในความเป็นจริงเด็กเกือบทุกคนต้องมีภาวะนี้บ้างไม่มากก็น้อย
• ทำไมเด็กต้องร้องอาละวาด?
เด็กวัยนี้เริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเอง อยากรู้อยากเห็น มีความต้องการจะควบคุมทุกอย่าง ต้องการเป็นอิสระและพยายามที่จะทำอะไรที่เกินความสามารถ ต้องการจะตัดสินใจเองและไม่อาจควบคุมตัวเองได้ดีพอ ยิ่งถ้าเขาเหนื่อย หิว หงุดหงิด หรือกลัวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งไม่สามารถที่จะจัดการตัวเองได้ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
การร้องอาละวาด จึงเป็นหนทางในการปลดปล่อยอารมณ์ของเด็ก
• สาเหตุที่อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นนั้น ได้แก่
1. ข้อจำกัดเรื่อง พัฒนาการทางภาษาที่ยังไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่พูดหรือถามได้ทั้งหมด ไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตนเองอย่างไร (หลังอายุ 3 ปี เด็กส่วนใหญ่สามารถบอกความรู้สึกได้ การร้องอาละวาดจึงค่อย ๆ ลดลง ส่วนเด็กที่มีพัฒนาการทางภาษาช้า การร้องอาละวาดอาจจะคงอยู่นานกว่า)
2. ข้อจำกัดเรื่องพัฒนาการด้านอื่น ๆ คือ การเคลื่อนไหวร่างกาย / พัฒนาการด้านสติปัญญา
3. ข้อจำกัดเรื่องสังคม เช่น ต้องการเรียกร้องความสนใจ, อิจฉาน้อง ฯลฯ
4. ข้อจำกัดทางกายภาพ เช่น เด็กที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่ หิว เหนื่อยหรือนอนไม่พอ กังวลหรือไม่สบายตัว
• จะป้องกันการร้องอาละวาดได้อย่างไร?
พ่อแม่อาจจะไม่สามารถป้องกันการร้องอาละวาดได้ทุกครั้ง แต่สามารถลดโอกาสที่จะเกิดได้ โดย
1. พยายามกระตุ้นให้เด็กพูด บอกความรู้สึก เช่น “หนูทนไม่ไหวแล้วนะ” เข้าใจความรู้สึกของเขาและแนะนำว่าควรพูดยังไง
2. ตั้งกฎที่เหมาะสมในบ้านและอย่าไปคาดหวังว่าเด็กต้องทำได้สมบูรณ์ ให้เหตุผลง่าย ๆ ว่า ทำไมต้องมีกฎและพยายามอย่าไปเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ
3. พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกวันเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เด็กคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
4. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เด็กเกิดร้องอาละวาด เช่น การเล่นของเล่นที่ยากกว่าวัย
5. หลีกเลี่ยงการไปนอกสถานที่ที่กินเวลานาน ๆ และต้องอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถ้าต้องเดินทางไปไหนก็ให้พกหนังสือเล่มโปรด หรือของเล่นที่ชอบ
6. เตรียมของว่างที่มีประโยชน์เผื่อเวลาลูกหิวและแน่ใจว่าลูกได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว ก่อนออกเดินทาง
7. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็กจากกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การร้องอาละวาด แนะนำกิจกรรมที่ต่างออกไป ถ้าเป็นไปได้พ่อแม่อาจต้องทำอะไรขบขันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น บางครั้งแค่เปลี่ยนสถานที่ก็ได้
8. พยายามเลือกใช้คำอื่นแทนคำว่า “ไม่, อย่า” เพราะถ้าใช้บ่อย ๆ เด็กก็จะหงุดหงิดได้ง่าย
9. เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเองบ้าง
10. เป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการกับอารมณ์
• ทำยังไงดี เมื่อเด็กร้องอาละวาดไปแล้ว?
1. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็ก เช่น กิจกรรมใหม่ หนังสือ ของเล่น พยายามใช้คำพูดที่ละมุนละม่อม “อุ้ย แม่ได้ยินใครกดกริ่งที่ประตูแน่ะ” การทำหน้าตลกๆหรือทำให้เป็นเรื่องขบขันก็อาจช่วยได้ บางครั้งควรบอกเด็กด้วยว่าให้ไปทำอะไรแทน
2. ใจเย็น ถ้าพ่อแม่ก็โมโห จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง จำไว้ว่ายิ่งให้ความสนใจพฤติกรรมนี้มากเท่าไร มันก็จะยิ่งเกิดขึ้นบ่อยเท่านั้น
3. การแสดงออกว่าโกรธที่ไม่รุนแรง เช่น ร้องไห้ กรีดร้อง เตะขา อาจเพิกเฉยได้ โดยยืนดูใกล้ ๆ หรือจับตัวเด็กไว้ โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรจนกว่าเด็กจะสงบ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ให้เดินออกมาจากห้องนั้นก่อน ลองรอประมาณ 1 - 2 นาที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหรือจนกว่าลูกจะหยุดร้อง จากนั้นพยายามช่วยให้เขาไปสนใจสิ่งอื่นแทน ถ้าเด็กโตพอที่จะเข้าใจก็ลองพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีแก้ไขในครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ได้แก่ ทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น ทำร้ายข้าวของ กรีดร้อง หรือตะโกนเป็นเวลานานมาก ๆ
4. ไม่ควรทำโทษเด็กขณะร้องอาละวาดเพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กเก็บความคับข้องใจไว้และมีปัญหาทางอารมณ์ต่อไป ควรตอบสนองกับพฤติกรรมร้องอาละวาดอย่างสงบและเข้าใจให้มากที่สุด เมื่อเด็กโตขึ้นเขาก็จะเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเอง จำไว้ว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กที่จะทดสอบกฎของพ่อแม่ว่าจะเอาจริงหรือไม่
5. พยายามอย่าใช้รางวัลเพื่อให้เด็กหยุดพฤติกรรม เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าวิธีนี้ทำให้ตนเองได้ในสิ่งที่ต้องการ
6. เราควรมีความเสมอต้นเสมอปลาย อย่าไปแสดงท่าทางลังเลกับคำสั่งของเราเอง เพราะจะยิ่งทำให้เด็กสับสนว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้
7. ก่อนจะตั้งกฎอะไร พ่อแม่ต้องมั่นใจด้วยว่าตนเองมีเวลาในแต่ละวันที่ได้สนุกสนานกับลูก และไม่ควรตั้งกฎไว้มากจนเกินไป ทุกคนในบ้านก็ต้องหนักแน่นกับกฎนั้น ปฏิบัติต่อเด็กให้เหมือนกัน
• ปรึกษากุมารแพทย์เมื่อไร เพื่ออะไร?
แนะนำว่า ควรปรึกษา เมื่อเด็กทำร้ายตนเองหรือคนอื่นขณะที่กำลังร้องอาละวาด หรือแย่ลงหลังอายุ 4 ปี
เพื่อดูว่าเด็กมีปัญหาทางกายภาพหรือจิตใจแอบแฝงอยู่หรือไม่
การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่ปกติของเด็ก ไม่ง่ายนักที่จะจัดการ แต่การที่ผู้เลี้ยงดูให้ความรัก ความเข้าใจแก่เด็ก ก็จะสามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปได้แน่นอน
(อ้างอิงบางส่วนจาก : www.aap.org)
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
เด็กในช่วงอายุ 1 - 3 ปี หลายท่านคงเคยได้ยินคำเรียกเด็กวัยนี้ว่า “วัยต่อต้าน” เพราะเมื่อเด็กวัยนี้รู้สึกคับข้องใจ โกรธ หรือผิดหวัง พวกเขามักแสดงออกโดยการร้องไห้ แผดเสียง หรือกระทืบเท้าไปมา ซึ่งบางครั้งทำให้ผู้ปกครองรู้สึกโกรธ หรืออับอายได้ อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กเพื่อที่จะเรียนรู้การควบคุมตนเอง และในความเป็นจริงเด็กเกือบทุกคนต้องมีภาวะนี้บ้างไม่มากก็น้อย
• ทำไมเด็กต้องร้องอาละวาด?
เด็กวัยนี้เริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเอง อยากรู้อยากเห็น มีความต้องการจะควบคุมทุกอย่าง ต้องการเป็นอิสระและพยายามที่จะทำอะไรที่เกินความสามารถ ต้องการจะตัดสินใจเองและไม่อาจควบคุมตัวเองได้ดีพอ ยิ่งถ้าเขาเหนื่อย หิว หงุดหงิด หรือกลัวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งไม่สามารถที่จะจัดการตัวเองได้ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
การร้องอาละวาด จึงเป็นหนทางในการปลดปล่อยอารมณ์ของเด็ก
• สาเหตุที่อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมเช่นนั้น ได้แก่
1. ข้อจำกัดเรื่อง พัฒนาการทางภาษาที่ยังไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่พูดหรือถามได้ทั้งหมด ไม่รู้จะบอกความรู้สึกของตนเองอย่างไร (หลังอายุ 3 ปี เด็กส่วนใหญ่สามารถบอกความรู้สึกได้ การร้องอาละวาดจึงค่อย ๆ ลดลง ส่วนเด็กที่มีพัฒนาการทางภาษาช้า การร้องอาละวาดอาจจะคงอยู่นานกว่า)
2. ข้อจำกัดเรื่องพัฒนาการด้านอื่น ๆ คือ การเคลื่อนไหวร่างกาย / พัฒนาการด้านสติปัญญา
3. ข้อจำกัดเรื่องสังคม เช่น ต้องการเรียกร้องความสนใจ, อิจฉาน้อง ฯลฯ
4. ข้อจำกัดทางกายภาพ เช่น เด็กที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่ หิว เหนื่อยหรือนอนไม่พอ กังวลหรือไม่สบายตัว
• จะป้องกันการร้องอาละวาดได้อย่างไร?
พ่อแม่อาจจะไม่สามารถป้องกันการร้องอาละวาดได้ทุกครั้ง แต่สามารถลดโอกาสที่จะเกิดได้ โดย
1. พยายามกระตุ้นให้เด็กพูด บอกความรู้สึก เช่น “หนูทนไม่ไหวแล้วนะ” เข้าใจความรู้สึกของเขาและแนะนำว่าควรพูดยังไง
2. ตั้งกฎที่เหมาะสมในบ้านและอย่าไปคาดหวังว่าเด็กต้องทำได้สมบูรณ์ ให้เหตุผลง่าย ๆ ว่า ทำไมต้องมีกฎและพยายามอย่าไปเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ
3. พยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกวันเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เด็กคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
4. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้เด็กเกิดร้องอาละวาด เช่น การเล่นของเล่นที่ยากกว่าวัย
5. หลีกเลี่ยงการไปนอกสถานที่ที่กินเวลานาน ๆ และต้องอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถ้าต้องเดินทางไปไหนก็ให้พกหนังสือเล่มโปรด หรือของเล่นที่ชอบ
6. เตรียมของว่างที่มีประโยชน์เผื่อเวลาลูกหิวและแน่ใจว่าลูกได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว ก่อนออกเดินทาง
7. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็กจากกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การร้องอาละวาด แนะนำกิจกรรมที่ต่างออกไป ถ้าเป็นไปได้พ่อแม่อาจต้องทำอะไรขบขันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น บางครั้งแค่เปลี่ยนสถานที่ก็ได้
8. พยายามเลือกใช้คำอื่นแทนคำว่า “ไม่, อย่า” เพราะถ้าใช้บ่อย ๆ เด็กก็จะหงุดหงิดได้ง่าย
9. เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเองบ้าง
10. เป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการกับอารมณ์
• ทำยังไงดี เมื่อเด็กร้องอาละวาดไปแล้ว?
1. เบี่ยงเบนความสนใจของเด็ก เช่น กิจกรรมใหม่ หนังสือ ของเล่น พยายามใช้คำพูดที่ละมุนละม่อม “อุ้ย แม่ได้ยินใครกดกริ่งที่ประตูแน่ะ” การทำหน้าตลกๆหรือทำให้เป็นเรื่องขบขันก็อาจช่วยได้ บางครั้งควรบอกเด็กด้วยว่าให้ไปทำอะไรแทน
2. ใจเย็น ถ้าพ่อแม่ก็โมโห จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง จำไว้ว่ายิ่งให้ความสนใจพฤติกรรมนี้มากเท่าไร มันก็จะยิ่งเกิดขึ้นบ่อยเท่านั้น
3. การแสดงออกว่าโกรธที่ไม่รุนแรง เช่น ร้องไห้ กรีดร้อง เตะขา อาจเพิกเฉยได้ โดยยืนดูใกล้ ๆ หรือจับตัวเด็กไว้ โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรจนกว่าเด็กจะสงบ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ให้เดินออกมาจากห้องนั้นก่อน ลองรอประมาณ 1 - 2 นาที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหรือจนกว่าลูกจะหยุดร้อง จากนั้นพยายามช่วยให้เขาไปสนใจสิ่งอื่นแทน ถ้าเด็กโตพอที่จะเข้าใจก็ลองพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและวิธีแก้ไขในครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม การร้องอาละวาดที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ได้แก่ ทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น ทำร้ายข้าวของ กรีดร้อง หรือตะโกนเป็นเวลานานมาก ๆ
4. ไม่ควรทำโทษเด็กขณะร้องอาละวาดเพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กเก็บความคับข้องใจไว้และมีปัญหาทางอารมณ์ต่อไป ควรตอบสนองกับพฤติกรรมร้องอาละวาดอย่างสงบและเข้าใจให้มากที่สุด เมื่อเด็กโตขึ้นเขาก็จะเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเอง จำไว้ว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กที่จะทดสอบกฎของพ่อแม่ว่าจะเอาจริงหรือไม่
5. พยายามอย่าใช้รางวัลเพื่อให้เด็กหยุดพฤติกรรม เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าวิธีนี้ทำให้ตนเองได้ในสิ่งที่ต้องการ
6. เราควรมีความเสมอต้นเสมอปลาย อย่าไปแสดงท่าทางลังเลกับคำสั่งของเราเอง เพราะจะยิ่งทำให้เด็กสับสนว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้
7. ก่อนจะตั้งกฎอะไร พ่อแม่ต้องมั่นใจด้วยว่าตนเองมีเวลาในแต่ละวันที่ได้สนุกสนานกับลูก และไม่ควรตั้งกฎไว้มากจนเกินไป ทุกคนในบ้านก็ต้องหนักแน่นกับกฎนั้น ปฏิบัติต่อเด็กให้เหมือนกัน
• ปรึกษากุมารแพทย์เมื่อไร เพื่ออะไร?
แนะนำว่า ควรปรึกษา เมื่อเด็กทำร้ายตนเองหรือคนอื่นขณะที่กำลังร้องอาละวาด หรือแย่ลงหลังอายุ 4 ปี
เพื่อดูว่าเด็กมีปัญหาทางกายภาพหรือจิตใจแอบแฝงอยู่หรือไม่
การร้องอาละวาดเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่ปกติของเด็ก ไม่ง่ายนักที่จะจัดการ แต่การที่ผู้เลี้ยงดูให้ความรัก ความเข้าใจแก่เด็ก ก็จะสามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปได้แน่นอน
(อ้างอิงบางส่วนจาก : www.aap.org)
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่