รองเจ้าคณะกรุงเทพฯ ตำหนิกรมศิลป์ทุบอาคาร 2 หลังวัดกัลยาณมิตร ระบุ น่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้กระทบศรัทธาชาวพุทธ ย้ำคณะสงฆ์ กทม. ไม่นิ่งนอนใจ
วันนี้ (27 ก.ค.) พระราชปริยัติเวที(สุชาติ กิตฺติปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมศิลปากรนำชุดทีมงานเข้าทุบทำลายศาลา 2 หลังของวัดกัลยาณมิตร ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในเขตโบราณสถานจากกรมศิลปากร ว่า กรมศิลปากร น่าจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ เนื่องจากคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน เกิดความสะเทือนใจที่มีการทุบทำลายศาสนสถานของวัด ผู้บริหารกรมศิลปากร ในฐานะที่เป็นชาวพุทธกลับลงมือกระทำ ก่อนที่จะมีการทุบศาสนสถานน่าจะหารือกับองค์กรคณะสงฆ์ ว่า จะมีวิธีการอย่างไรบ้างที่เหมาะสม อย่างกรณีวัดกัลยาณมิตร หากสอบสวนแล้วเจ้าอาวาสดำเนินการผิดก็ดำเนินการตามกฎหมายก็ว่ากันไป
“กรมศิลป์บอกว่าจะทุบอาคารที่วัดสร้างขึ้นแล้วสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนรูปแบบเดิม ซึ่งก็เป็นของใหม่อยู่ดี เป็นไปได้หรือไม่ว่า กรณีศาลา 2 หลังของวัดกัลยาณมิตรที่กรมศิลป์ ระบุว่า จะอยู่ตรงจุดที่เป็นโบราณสถานไม่ได้ จะใช้วิธีการยกทั้งหลังไปไว้ในจุดอื่นได้หรือไม่ เพราะเทคโนโลยีการก่อสร้างยุคนี้สามารถดำเนินการได้ หากกรมศิลป์ทำเช่นนี้ จะทำให้พุทธศาสนิกชนเสียศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและทางวัดด้วย ยิ่งมีการออกข่าวว่าจะทุบหลายสิ่งหลายอย่างหลายประการด้วยกัน ทำชาวพุทธรู้สึกไม่ดีมากขึ้น ควรจะหาวิธีการที่ดีกว่านี้ เช่น วัดกัลยาณมิตรมีพื้นที่อีกมาก กรมศิลปากร ก็สร้างอาคารโบราณที่ถูกทุบทำลายขึ้นมาใหม่แล้วติดป้ายอธิบายประวัติอาคาร พร้อมรูปเก่าให้ประชาชนได้รับทราบจะดีกว่าหรือไม่”พระราชปริยัติเวที กล่าว
พระราชปริยัติเวที กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงวัดกัลยาณมิตรเท่านั้น วัดอื่น ๆ ที่มีโบราณสถาน ก็ประสบปัญหาเหล่านี้เช่นกัน เนื่องจากวัดไม่รู้ว่าโซนโบราณสถาน การขึ้นทะเบียนทั้งวัดอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะกรมศิลปากรไม่มีการติดป้ายระบุให้ชัดเจน ดังนั้น สถานที่ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่ถูกขึ้นทะเบียนกรมศิลปากรต้องติดประกาศให้ชัดเจน เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก เพราะจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจชาวพุทธ และเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อหน่วยงานรัฐได้ สำหรับความผิดของเจ้าอาวาสที่ได้ทุบทำลายโบราณสถาน การดำเนินการพิจารณาโทษของคณะสงฆ์นั้น จะรอให้ศาลพิจารณาให้ถึงที่สุดก่อนว่า กฎหมายบ้านเมืองระบุโทษเช่นไรให้ยุติเสียก่อน จากนั้นกระบวนการพิจารณาคดีความของสงฆ์ก็จะดำเนินการอีกครั้ง คณะสงฆ์กรุงเทพมหานครก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่