“ณรงค์” เผย “สุเทพ” รายงานผลตรวจสอบตำราเรียนหาย 5.3 แสนเล่ม ยังไม่คืบ ส่วนกรณี สกสค. นำเงิน 800 ล้าน ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า อยู่ระหว่างส่งคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่บริษัท บิลเลี่ยน นำหลักทรัพย์ปลอมมูลค่า 2,500 ล้าน สกสค. ประสานสำนักอัยการสูงสุด ฟ้องคดีแพ่ง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะกรรมการ สกสค.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า นายสุเทพ ชิตยวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าฯ ได้รายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีหนังสือที่องค์การค้าฯ จัดพิมพ์สูญหาย ซึ่งมีบางประเด็นที่คณะกรรมการสืบฯยังสรุปไม่ค่อยชัดเจน แต่ที่สรุปตรงกัน คือ หนังสือถูกโอนเข้าคลังไม่ครบตามจำนวนจริง มีหนังสือสูญหาย 5.3 แสนเล่ม ทั้งนี้ ที่ประชุมพิจารณาว่าอาจเพราะคณะกรรมการตรวจสืบฯ เป็นคนภายในองค์การค้าฯ จึงไม่กล้าสรุปผล ดังนั้น ที่ประชุมมีมติให้ นายสุเทพ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้เกี่ยวข้องตามกระบวนการผลิต โดยให้เป็นบุคคลภายนอกและสหภาพแรงงานขององค์การค้าฯ เข้าร่วม
“ทั้งนี้ จากที่รายงานพบว่าหนังสือสูญหายไปในช่วงการผลิตและส่งเข้าคลัง ดังนั้น จะต้องตรวจสอบรายชื่อว่ามีใครบ้างแล้วสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในส่วนของ นายสมมาตร์ มีศิลป์ ผอ.องค์การค้าฯ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่นั้น คงต้องไปดูเพราะในรายงานผลสืบฯระบุว่าเมื่อเกิดปัญหาได้รายงานให้ ผอ.องค์การค้าฯ รับทราบแล้ว จึงต้องไปดูว่าเมื่อทราบแล้วมีการแก้ไขหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ที่ต้องไปตรวจสอบ” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในส่วนที่มีข้อเสนอให้ยกเลิกสัญญาจ้างต้องพิจารณาข้อมูลหลายด้าน หากใช้มติคณะกรรมการบริหารฯยกเลิกก็อาจถูกฟ้องร้องได้ ส่วนที่ยังต้องจ่ายเงินเดือนทั้งที่ถูกสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้น เพราะมีกฎหมายแรงงานความคุ้มครองอยู่
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ นายสุเทพ เสนอที่ประชุม ขอให้จ่ายเงินค่ารับฝากขายหนังสือให้แก่บริษัท ล็อกซเลย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน) ค่าจ้างพิมพ์ให้แก่สำนักพิมพ์ศิริวัฒนา อินเตอร์ปริ้นท์ จำกัด (มหาชน) และค่ากระดาษให้กับบริษัท “ซ” รวม 3 บริษัทจำนวน 150 ล้านบาท โดยที่ประชุมพิจารณาอนุมัติจ่ายบริษัท “ซ” จำนวน 50 ล้านเพียงแห่งเดียว เนื่องจากการดำเนินการไม่มีประเด็นร้องเรียน ส่วนอีกสองบริษัทที่เหลือยังมีประเด็นในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีปัญหา ก็ต้องจ่ายเพราะเราเป็นลูกหนี้ แต่อาจจะต่อรองขอทยอยจ่ายเป็นบางส่วนไปก่อน เพราะองค์การค้าฯก็ไม่ได้มีเงินมากนัก ทั้งนี้ กรณีที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่เสนอให้ไปศึกษาข้อดีข้อเสียว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่อนาคตจะไม่ให้มีองค์การค้าฯ นั้น เท่าที่ทราบทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ทำวิจัยยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการ สกสค. นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. รายงานผลการตรวจสอบกรณี สกสค. ซื้อหุ้นบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด เพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน บ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย จำนวน 800 ล้านบาท โดยที่ผ่านมามอบหมายให้คณะทำงานลงพื้นที่ เพื่อดูข้อเท็จจริงว่ามีการดำเนินการจริงหรือไม่ และมีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน เท่าที่ทราบมีการดำเนินการจริง เพียงแต่จะสอดคล้องกับวงเงินและระยะเวลาการก่อสร้างที่กำหนดในแต่ละงวดหรือไม่นั้น ยังไม่สรุปได้
ส่วนความคืบหน้า ในการดำเนินการกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด ศธ. ในการนำหลักทรัพย์ปลอมมาค้ำประกันการขายตั๋วสัญญากับ สกสค. จำนวน 2,500 ล้านบาท แต่ไม่นำเงินมาชำระคืนตามกำหนด ที่ผ่านมา ทั้ง คตร. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบ และขณะนี้ สกสค.ได้ประสานขอความร่วมมือจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้มาช่วยดูในข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการฟ้องคดีแพ่ง ในฐานะเจ้าหนี้เพื่อติดตามเงินคืนและหากพบประเด็นที่เกี่ยวข้องและเป็นคดีอาญา ก็คงต้องดำเนินการฟ้องด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่