xs
xsm
sm
md
lg

คนขับรถพยาบาล 2 ใน 10 เสี่ยงปัญหาทางจิต เพิ่มโอกาสอุบัติเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สพฉ. ชี้ “คนขับรถพยาบาลฉุกเฉิน” สุขภาพจิตแย่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ วิจัยพบ คนขับ 2 ใน 10 คน เสี่ยงมีปัญหาสุขภาพจิต ส่วนคนมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน แนะจัดอบรมสมรรถนะทางกายและจิต ลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ

นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า การนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เสียชีวิต รถพยาบาล และ รถฉุกเฉิน จึงมีความสำคัญ ต้องมีความรวดเร็ว แข่งกับเวลาในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง โดยในปี 2557 จากการเฝ้าระวังพบว่าเกิดอุบัติเหตุกับรถพยาบาลฉุกเฉินมากถึง 61 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 130 คน ผู้เสียชีวิต 19 คน และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 เกิดอุบัติเหตุกับรถพยาบาลฉุกเฉินถึง 28 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บ 54 คน สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งความพร้อมของยานพาหนะ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อม อาทิ สภาพถนน ทางโค้ง หรือสภาพอากาศ ฝนตกถนนลื่น แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือพนักงานขับรถพยาบาล ที่ควบคุมการขับเคลื่อนให้ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ซึ่ง สพฉ. ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยมีการจัดอบรมการขับรถพยาบาลปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านนางพรทิพย์ วชิรดิลก นักวิจัย สพฉ. กล่าวว่า ได้สำรวจประเมินสุขภาพจิตของพนักงานขับรถพยาบาลในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ด้วยแบบคัดกรองปัญหาสุขภาพจิต 12 ข้อ จำนวน 67 คน อายุระหว่าง 21 - 58 ปี ที่มีอายุงานระหว่าง 1 - 33 ปี เนื่องจากเห็นว่าพนักงานขับรถพยาบาลเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อยู่ภายใต้ความกดดันทั้งจากเสียงเรียกร้องจากญาติผู้ป่วยให้เร่งความเร็วเพื่อให้ถึงโรงพยาบาลปลายทาง ความเครียดจากสภาพแวดล้อมบนถนน ตลอดจนความพร้อมด้านร่างกายของพนักงานขับรถ โดยผลวิจัยพบว่า พนักงานขับรถพยาบาลเกือบ 2 ใน 10 คน มีโอกาสเสี่ยงที่จะมีปัญหาสุขภาพจิต ร้อยละ 16.2 และเมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพจิตพบว่า มีประวัติเคยประสบอุบัติเหตุรถพยาบาล 3 คน โดยปัญหาของสุขภาพจิตส่วนใหญ่ เกิดจาก 1. นอนไม่หลับ เพราะกังวลใจ 2. รู้สึกไม่มีความสุขและเศร้าหมอง 3. รู้สึกไม่สามารถที่จะเอาชนะความยากลำบากต่างๆ ได้ 4. รู้สึกตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา คิดว่าเป็นคนไร้ค่า และ 5. ไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่

นอกจากนี้ ยังพบว่าหากพนักงานขับรถพยาบาลมีสุขภาพกายที่แข็งแรงและสุขภาพจิตดี ย่อมลดปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุรถพยาบาลได้ด้วย แต่จากการสำรวจดังกล่าว ยังพบว่ามีผู้มีแนวโน้มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตอยู่ ดังนั้น นอกจากการส่งเสริมสรรถนะทางกาย เพิ่มทักษะการขับรถพยาบาลปลอดภัยแล้ว ยังจำเป็นต้องเสริมสร้างสรรถนะหรือความพร้อมทางจิตด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งต่อจากนี้จะมีการทำวิจัยเพิ่มเติมโดยเพิ่มกลุ่มตัวอย่าง เพื่อให้เป็นตัวแทนของพนักงานขับรถพยาบาลในภาพรวมได้ทั้งประเทศ เพื่อสนับสนุนข้อมูลในการพัฒนาแนวทางลดอุบัติเหตุรถพยาบาล และเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ปฏิบัติการฉุกเฉิน” นักวิจัย สพฉ. กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น