เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ชวนคอหวยปกป้องสิทธิ “เกิน 80 ไม่ซื้อ” บอร์ดสลากฯ ย้ำผู้ค้าฝ่าฝืนคุก 1 เดือน ปรับ 1 หมื่น หากพบเห็นแจ้งเบาะแสได้ทันที ภาคประชาชนชี้จะยั่งยืนต้องมีองค์กรกำกับ แยกจาก สนง.สลากฯ
วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อเวลา 11.00 น. เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก ร่วมกับ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ กว่า 80 คน จัดกิจกรรมรณรงค์รักษาสิทธิผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ภายใต้แนวคิด “เกิน 80 บาท…ไม่ซื้อ” เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคไม่ซื้อสลากฯที่ขายเกินราคา
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลและโฆษกคณะกรรมการ กล่าวว่า การซื้อสลากในราคาที่กำหนด 80 บาท เป็นนโยบายของรัฐบาลโดยดำรินายกรัฐมนตรี ต้องการให้คนไทยซื้อสลากในราคาที่ยุติธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ยืนยันว่า สำนักงานสลากฯมีมาตรการดูแลผู้ซื้อจำนวน 20 ล้านคน ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยจะช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ถึง 1 - 3 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการคืนผลประโยชน์ให้ประชาชนโดยตรง ส่วนขั้นตอนที่สำนักงานสลากฯจะดำเนินการ คือ 1. จัดระเบียบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก 2. ปรับแผนกำหนดช่องทางการจำหน่ายสลากให้เข้มงวด โดยจะคำนึงถึงผู้ค้าด้วยเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม 3. สำนักงานสลากฯจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนที่จะมีการเพิ่มรางวัลสลากฯเลข 3 ตัวหน้านั้น ยืนยันว่า ทำเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้ขาย ถือเป็นการลดภาระ ปิดกั้นไม่ให้ยี่ปั๊วขึ้นราคาสลาก
“การขายสลาก 80 บาท แน่นอนว่า ต้องมีผู้เสียผลประโยชน์ และมีอุปสรรคในช่วงแรกๆ แต่สำนักงานสลากฯตั้งใจแล้ว ว่าจะดูแลรักษาสิทธิของประชาชน ขอให้ผู้ซื้อสลากปกป้องสิทธิของตนเองไม่ซื้อเกินราคา อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้ขายทำผิดกฎหมายจะมีโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับ 10,000 บาท ขณะเดียวกัน จะมีกระบวนการย้อนรอย เพื่อยึดโควตาสลากคืน ทั้งนี้เรามีชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่สำรวจ หรือผู้ซื้อสามารถร้องเรียนแจ้งเบาะแสผ่านคอลเซ็นเตอร์ 02-3451466” ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลากฯ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณรัฐบาลและบอร์ดกองสลากฯ ที่พยายามจะแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาอย่างจริงจัง เป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมานานหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะสำเร็จได้ผู้ซื้อสลากต้องรักษาสิทธิตัวเองด้วย หากพบผู้ขายสลากเกินราคาต้องปฏิเสธไม่ซื้อ ถือเป็นการแสดงพลังของผู้บริโภคร่วมกับรัฐบาล เพราะต่อให้ภาครัฐจะทุ่มกำลังเพียงใดก็มิอาจดูแลได้ทั่วถึง ผู้บริโภคต้องพิทักษ์สิทธิตัวเองด้วย”
“การที่จะทำให้เรื่องนี้ให้สำเร็จได้อย่างยั่งยืน คงต้องเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นไปพร้อมกันด้วย เพราะหากไม่ถือโอกาสทำอะไรตอนนี้ เมื่อ คสช. พ้นวาระปัญหาต่างๆอาจจะกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องหนึ่งที่อยากเสนอให้สังคมพิจารณา คือ การมีกลไกกำกับดูแลกิจการสลาก รวมทั้งกิจการพนันอื่นๆ ที่เรียกว่า เร็กกูเลเตอร์ ซึ่งเป็นหลักสากล และขณะนี้คำสั่ง คสช. ที่ 11 ตามมาตรา 44 ทำให้เกิดกองทุนสลากเพื่อการพัฒนาสังคมที่มีวัตถุประสงค์มาดูแลเรื่องการลดปัญหาการพนันทั้งหมดในสังคม กองทุนนี้ควรมีหน่วยงานที่เหมาะสมมากำกับดูแล มากกว่าให้อยู่ในอำนาจของสำนักงานสลากฯ เพื่อให้เกิดการใช้เงินกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง เป็นการถ่วงดุลและตรวจสอบกันเอง ดังนั้น ในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ต้องระบุเรื่องกองทุน (ตามคำสั่ง คสช. ที่ 11) และกลไกกำกับดูแลให้ชัดเจนลงไปด้วย การมีกลไกกำกับดูแลกิจการสลาก หรือเร็กกูเลเตอร์จะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคอีกชั้นหนึ่ง เพราะพลังผู้บริโภคนั้นกระจัดกระจาย ยากที่จะตื่นตัวได้ตลอดเวลา หากมีกลไกนี้จะทำให้กิจการพนันที่มีผลกระทบทางสังคม จะถูกกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ก็จะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างดี” นายธนากร กล่าว
ด้าน นายวิทยา แจ่มกระจ่าง ประธานสมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขอสนับสนุนรัฐบาลให้ควบคุมราคาขายสลากในราคา 80 บาทได้จริงๆ และทำให้ได้อย่างยั่งยืน เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมานาน ในฐานะเครือข่ายภาคประชาชนได้รับเรื่องร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีใครสนใจแก้ไขกัน มีการปล่อยปละละเลยให้ประชานถูกเอารัดเอาเปรียบ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี โดยที่เม็ดเงินเหล่านั้นไม่ได้เป็นของรัฐบาล หรือกลับสู่ประชาชนเลย มีคนเพียงบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์เป็นเสือนอนกินมาอย่างยาวนาน
“หลายรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงจัง แต่ดูจะเป็นรูปธรรมขึ้นก็ในรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคเองต้องปกป้องสิทธิของตนเองด้วย ต้องร่วมมือกันไม่ซื้อสลากในราคาที่แพงกว่า 80 บาท เพราะจะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ขายทำผิดกฎหมาย นี่คือ สิทธิและพลังของผู้บริโภคที่จะช่วยสร้างสมดุลได้ อย่าไปเข้าใจผิดว่าการซื้อสลากเกินราคาแล้วเงินของเราจะคืนสู่รัฐ หรือได้ไปตอบแทนสังคม เพราะส่วนต่างที่เกินไปนั้นเป็นเงินที่ไหลไปนอกระบบทั้งสิ้นปี ปีหนึ่งนับหมื่นล้านบาททีเดียว” นายวิทยากล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
