xs
xsm
sm
md
lg

มติ กช.เห็นชอบร่าง ระเบียบปรับเพิ่มรายหัว 2 ฉบับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ประชุม กช.ปรับเกณฑ์เงื่อนไขยืมเงินกองทุน พร้อมเห็นชอบร่างระเบียบ สช. 2 ฉบับปรับเพิ่มเงินรายหัวให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และเงินรายหัวของร.ร.เอกชนการกุศล-เอกชนสอนศาสนาอิสลาม พร้อมเผยที่ประชุมรับทราบข้อเสนอยกสถานะ สช.เป็นกรม แต่ยังต้องชะลอไว้ก่อนเพราะ นายกฯ สั่งไม่มีการปรับโครงสร้างเวลานี้

วันนี้ (4 มิ.ย.) นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ พ.ศ. เนื่องจากการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนฯได้ให้ยืมเงินไปใช้จ่ายเฉพาะด้านการก่อสร้าง หรือการซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอนตามหลักสูตรเท่านั้น ซึ่งร่างประกาศฯฉบับใหม่ได้พัฒนากระบวนการกู้ยืมเงิน โดยกำหนดหลักทรัพย์ค้ำประกันใหม่จากเดิมต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เกินร้อยละ 50 ให้เหลือเพียงร้อยละ 15 อีกทั้งยังได้เพิ่มให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ภาคใต้ได้สามารถยืมเงินจากกองทุนนี้โดยไม่คิดดอกเบี้ยอีกด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าการปรับปรุงร่างฉบับใหม่นี้จะช่วยส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนมีความเข้มแข็งในการพัฒนาการศึกษาสู่เด็กและเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนรายบุคคล พ.ศ... เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยร่างระเบียบฉบับนี้ได้เพิ่มเงินอุดหนุนรายบุคคล จำนวน 16,701.50 บาทต่อคนต่อปี ให้แก่สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษาอีกหนึ่งสาขาวิชา เนื่องจากโรงเรียนอาชีวศึกษาในปัจจุบันได้จัดการเรียนการสอนในสาขาดังกล่าวแล้วแต่ยังไม่มีอัตราเงินอุดหนุนของประเภทวิชานี้รองรับ ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มอัตราอุดหนุนรายบุคคลระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนการกุศลและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามของมัสยิดหรือมูลนิธิ ได้แก่ ช่างอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน 22,492.50 บาทต่อคนต่อปี พาณิชยกรรม ศิลปหัตถกรรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำนวน 18,972.50 บาทต่อคนต่อปี เกษตรกรรม และประมง จำนวน 19,892.50 บาทต่อคนต่อปี และคหกรรม จำนวน 16,222.50 บาทต่อคนต่อปี ทั้งนี้เร็วๆ นี้ จะเสนอร่างระเบียบ สช.ทั้งสองฉบับให้ รมว.ศึกษาธิการ ให้ความเห็นชอบต่อไป

นายอดินันท์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้รับทราบตามที่มีการเสนอปรับเปลี่ยนสถานะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ( สช.) โดยขอให้ยกสถานะเป็นกรม ในรูปแบบเป็นนิติบุคคล เพื่อให้การบริหารงานการศึกษาเอกชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงเวลานี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของหน่วยงานต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องดังกล่าวจึงต้องชะลอไว้ก่อน

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น