ที่ประชุม กรอ.อศ. แนะขยายวงเงินกู้ กยศ. ให้เด็กอาชีวะได้เท่าเด็กมหา’ลัย พร้อมเสนอเพิ่มมาตรการขยายลดหย่อนภาษีให้ภาคเอกชนที่ร่วมจัดการศึกษาทวิภาคี - สหกิจศึกษา เป็น 300% จากเดิม 200% ชี้เพื่อจูงใจให้ร่วมพัฒนาเด็กสายอาชีพ ขณะที่ “ณรงค์” ระบุพร้อมหนุน และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ย้ำหากภาคเอกชนต้องการได้ตามที่ต้องการต้องช่วยอาชีวะจัดการเรียนการสอน
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (กรอ.อศ.) ที่มีพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์หลัก พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน อาทิ เรื่องของการพัฒนากำลังคน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรจัดทำฐานข้อมูลกำลังคนแยกตามสาขาอาชีพและรายได้ เสนอให้ขยายวงเงินวงเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในส่วนของผู้เรียนสายอาชีวศึกษาให้เท่ากับผู้เรียนในสายอุดมศึกษา เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนมาเรียนสายอาชีพมากขึ้น รวมถึงขยายการลดหย่อนภาษีให้แก่ภาคเอกชนที่มาร่วมจัดการศึกษา โดยพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการและเน้นไปที่ธุรกิจขนาดย่อย หรือ เอสเอ็มอี เป็นต้น ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการรับเด็กจากโครงการเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ “ทวิศึกษา” เข้าฝึกงานในสถานประกอบการด้วย
ด้าน นายสมชาย เทียมบุญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เพิ่มการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก 200% เป็น 300% ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของกรมสรรพากร นั้น มีข้อเสนอว่าเรื่องดังกล่าวครอบคลุมถึงการพัฒนากำลังด้วย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้คณะทำงานที่ประกอบด้วย 5 กระทรวง หลัก คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน มาพิจารณายกร่างเพื่อขยายการลดหย่อนภาษีให้ครอบคลุมถึงการจัดการศึกษาในระบบทวิภาคีและสหกิจศึกษาด้วย โดยลดหย่อนได้ถึง 300% ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่นักเรียนนักศึกษาเข้าฝึกอบรมในสถานประกอบการ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ และจะช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนากำลังคนมากขึ้น
ขณะที่ พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาสายอาชีวศึกษามาก โดยเฉพาะนายกฯ ได้เน้นย้ำอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นอย่างดี เพราะเอกชนรู้ดีว่าหากอยากได้คนที่มีสมรรถนะตรงตามความต้องการก็ต้องมาร่วมจัดการศึกษา เพราะปล่อยให้ ศธ. ทำตามลำพังอาจทำได้ไม่ตรงกับความต้องการ ตนจะนำผลจากการหารือครั้งนี้ไปดำเนินการต่อ เช่น ข้อเสนอเกี่ยวกับการเพิ่มวงเงินกู้ กยศ. ให้แก่ผู้เรียนอาชีวศึกษาให้เท่ากับผู้เรียนในสายอุดมศึกษา เพื่อแก้ปัญหาเด็กเลือกเรียนมหาวิทยาลัย เพราะวงเงินกู้ที่เด็กอาชีวะได้รับไม่เพียงพอต่อค่าเล่าเรียนจริงนั้นก็จะไปหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หากประเด็นใดที่จำเป็นต้องนำเข้าหารือในที่ประชุม ครม. ก็จะช่วยผลักดันต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่