xs
xsm
sm
md
lg

เยาวชนล่ารายชื่อหนุน กม.คุมยาสูบฉบับใหม่ ปกป้องสุขภาพ ลดนักสูบหน้าใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เครือข่ายเยาวชนฯ จัดกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก ชูแคมเปญ “พลังเด็กและเยาวชนหยุดภัยบุหรี่” หวังสังคมตระหนักพิษภัย พร้อมตั้งโต๊ะล่ารายชื่อหนุน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เชื่อ ช่วยหยุดนักสูบหน้าใหม่ ลดสูญเสียและเซฟค่ารักษาพยาบาล ด้านเหยื่อวัยรุ่นเปิดใจ ตกเป็นทาสบุหรี่8ปีต้องผ่าตัดมะเร็งต่อมไทรอยด์หมดค่ารักษาตัวนับล้าน เตือนสิงห์อมควันกลับใจเลิกสูบ

วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงกว่า 100 คน จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ภายใต้แคมเปญ “พลังเด็กและเยาวชน…หยุดภัยบุหรี่” ในงานมีการเดินขบวนรณรงค์เชิญชวนประชาชนและตั้งโต๊ะลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ เพื่อลดการเข้าถึงลดความสูญเสีย หรือสามารถเข้าร่วมลงชื่อผ่านทางเว็บไซต์ได้ที่ www.vote4tobaccolaw.com

น.ส.สุภาพรรณ์ โพธิอ่อง แกนนำเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้ ต้องการสร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้นักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบการร้านค้า ประชาชนทั่วไป และทุกภาคส่วนตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่ อีกทั้งร่วมกันปกป้องเด็กและเยาวชนลดละเลิกบุหรี่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันงดสูบบุหรี่โลก และเชิญชวนร่วมลงชื่อสนับสนุน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ให้ครบ 10 ล้านคน เพื่อมอบให้รัฐบาลในวันงดสูบบุหรี่โลกปลายเดือนนี้ ทั้งนี้ หากย้อนดูพิษภัยของบุหรี่จากสถิติงานวิจัย พบว่า แต่ละวันคนไทยเสียชีวิตจากบุหรี่ 142 ราย หรือ 1 เดือน บุหรี่ฆ่าคนไทยไปแล้ว 4,260 ราย และเกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเท่าตัว รัฐบาลต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลดูแลผู้ป่วยอีกจำนวนกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้น พ.ร.บ. ฉบับนี้จะช่วยปกป้องชีวิตคนไทย ซึ่งทุกวันนี้เสียชีวิตไปจากควันบุหรี่ถึงปีละกว่า 5 หมื่นคน

นายเอ (นามสมมติ) ตัวแทนจากศูนย์ฝึกอบรมเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เล่าถึงประสบการณ์ที่เคยเริ่มต้นสูบบุหรี่ว่า เริ่มสูบตอน ป.6 เพื่อนในกลุ่มเกือบครึ่งที่สูบโดยแอบสูบในโรงเรียนและซื้อบุหรี่ที่แบ่งเป็นมวนจากร้านค้าข้างโรงเรียน แม้อยู่ในชุดนักเรียนก็สามารถหาซื้อได้ง่าย เมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมก็เริ่มดื่มเหล้า เที่ยวเตร่ และนำไปสู่ยาเสพติด ช่วงนั้นชีวิตวนเวียนแต่เรื่องเหล่านี้ กระทั้งถึงวันที่ก้าวพลาดก่อคดี สุดท้ายได้มาอยู่ที่บ้านกาญจนาฯ ที่นี่มีกระบวนการทำให้ได้คิด เห็นคุณค่าของตัวเองและมีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคมมากขึ้น

“จากการพูดคุยกับเพื่อนที่นี่ ส่วนใหญ่เริ่มสูบบุหรี่ช่วง ป.6 - ม.3 บางคนเห็นคนในครอบครัวสูบก็สูบตาม เกือบทั้งหมดเริ่มต้นจากบุหรี่แบบแบ่งขายที่ซื้อมาจากร้านค้าข้างโรงเรียน ดังนั้น หากสามารถทำให้หยุดการแบ่งขายเป็นมวนได้ จะยับยั้งการเข้าถึงได้มาก หวังว่ารัฐบาลจะมีกฎหมายมาจัดการกับปัญหาเหล่านี้และขอฝากถึงเยาวชน ว่า อย่ายุ่งกับบุหรี่ไม่มีได้ มีแต่เสียกับเสีย เป็นต้นทางสู่ความเลวร้ายอื่นๆ ขอวิงวอนร้านค้าให้เลิกขายให้เด็ก เพราะเท่ากับสร้างให้อนาคตของชาติตกอยู่ในหลุมดำอันมืดมน” นายเอ กล่าว

นายมณฑล พวงเงิน หรือ “น้องโค๊ต” อายุ 23 ปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่จนต้องผ่าตัดมะเร็งต่อมไทรอยด์ กล่าวว่า เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกตอนเรียนชั้นมัธยมปีที่2หรือตอนอายุ 14 ปี สูบเพราะอยากรู้อยากลองเห็นในหนังในละครสูบแล้วดูเท่ จากนั้นสูบหนักขึ้นเรื่อยๆ วันละ 2 ซอง หาซื้อง่ายตามร้านขายของชำแถวบ้าน กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยมีอาการคอบวม พ่อและแม่ให้ไปตรวจ จึงพบว่าเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ สาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ต้องเข้าผ่าตัดด่วน ผลที่ตามมาคือ เป็นอัมพาตครึ่งซีก ระบบการหายใจติดขัด ต้องเจาะคอ พูดไม่ได้เกือบปี ปัจจุบันหลังพักฟื้น 2 ปี ยังพูดไม่ชัดติดๆ ขัดๆ หมดค่ารักษาพยาบาลนับล้าน ปัจจุบันเลิกบุหรี่และอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ต้องกินยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งทุกวัน

“หากย้อนเวลาได้จะคิดถึงคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง เพราะช่วงที่รักษาเห็นได้เลยว่าคนที่เรารักเหนื่อยกว่าเรา คือ พ่อ แม่ อยากฝากถึงเพื่อนวัยรุ่นคนที่ยังสูบบุหรี่ให้เลิกเพราะมันไม่ส่งผลดี เสียทั้งเงิน สุขภาพ อนาคต และทำร้ายคนอื่น และฝากถึงธุรกิจบุหรี่อย่าหาผลประโยชน์กับเด็กและเยาวชน ส่วนร้านค้าต้องเคารพกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากพิษภัยบุหรี่โดยตรง จะขอร่วมลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ เพื่อให้ออกเป็นกฎหมายมาปกป้องคนไทย” นายมณฑล กล่าว

น.ส.จิราภรณ์ กมลรังสรรค์ อดีตเยาวชนนักรณรงค์ และปัจจุบันเป็นผู้ช่วยนักวิจัยสำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ (สวน.) กล่าวว่า จากข้อมูลสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของคนไทยปี 2554 พบว่า จาก 8 คน ใน 10 คน เริ่มสูบบุหรี่ก่อนอายุ 20 ปี โดยปัจจุบันมีเด็กไทย อายุระหว่าง 15 - 24 ปี ติดบุหรี่แล้วกว่า 1,670,000 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุมาจากการรุกคืบทางการตลาดของกลุ่มอุตสาหกรรมบุหรี่ ที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายที่ล้าสมัย โดยใช้กลยุทธ์ วิธีการรูปแบบใหม่ เพื่อจูงใจดึงดูดให้กลายเป็นสิงห์อมควัน เช่น โฆษณาผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงเยาวชนได้โดยตรงและมีผลต่อการอยากลองบุหรี่ตลอดจนการให้ทุนสนับสนุนตามสถาบันการศึกษาต่างๆซึ่งเป็นการโฆษณาแฝงจำแลงกายเป็นนักบุญซ่อนมีด ทั้งนี้มีข้อมูลทางวิชาการยืนยันชัดเจนว่า หากเริ่มสูบบุหรี่ในอายุน้อยยิ่งมีโอกาสติดบุหรี่ง่ายและยากที่จะเลิกสูบได้สำเร็จ สุดท้ายกลายเป็นลูกค้าระยะยาวของอุตสาหกรรมบุหรี่

“พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ไม่สามารถควบคุมป้องกันปัญหากลยุทธ์ของกลุ่มอุตสาหกรรมบุหรี่ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่เพื่อป้องกันเด็กเยาวชนเช่นห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ปัจจุบันกำหนดไว้ที่18ปี การห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การห้ามขายบุหรี่แบ่งซอง โดยการปรับร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ จะช่วยลดจำนวนเยาวชนหน้าใหม่ที่ติดบุหรี่ และปกป้องนักสูบหน้าใหม่ได้ ซึ่งขอย้ำว่า ร่าง พ.ร.บ. นี้ ไม่มีผลกระทบกับชาวไร่ยาสูบ แต่ที่น่าเศร้าใจคือการออกมาให้ข้อมูลของกลุ่มที่ต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ อย่างสมาคมผู้ค้ายาสูบไทย ที่ระบุว่า การขายบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวนไม่เกี่ยวข้องกับการปกป้องเด็กและเยาวชน ตรงนี้เป็นความคิดที่เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองเกินไป ข้อมูลจากเพื่อนเยาวชนในวันนี้ชี้ชัดว่านักสูบหน้าใหม่เริ่มจากบุหรี่แบ่งขาย อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะเห็นแก่เยาวชนที่เป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ และคำนึงถึงอันตรายของพิษบุหรี่” นางสาวจิราภรณ์ กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น