“เครือข่ายผู้ปกครอง” เผยร้านค้าข้างโรงเรียนขายบุหรี่ให้เด็กโจ๋งครึ่ม หวั่นปัญหาแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน ทำเด็กกลายเป็นสิงห์อมควันหน้าใหม่ วอนรัฐกล้าตัดสินใจผ่านร่าง พ.ร.บ. ยาสูบฉบับใหม่ หวั่นไม่ผ่าน รบ. นี้ หมดสิทธิถูกหยิบยกมาพิจารณาใน รบ. ปกติ
วันนี้ (17 พ.ค.) นายอิมรอน เชษฐวัฒน์ แกนนำเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา เปิดเผยว่า สถานการณ์เด็กและเยาวชนต่อการสูบบุหรี่ ยังมีแนวโน้มน่าห่วง สะท้อนจากตัวเลขสูงถึง 1.6 ล้านคน ขณะที่อายุนักสูบหน้าใหม่เริ่มน้อยลงจนถึงระดับประถม เด็กจะเริ่มต้นซึมซับจากคนในครอบครัว ทั้งพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง รวมถึงเพื่อนๆ ในชุมชนและสถานศึกษา ปัญหาการแบ่งซองขายบุหรี่เป็นมวนๆ ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่สังคมมองข้าม ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่าย เพราะไม่ต้องใช้เงินมากในการซื้อเป็นซอง ซึ่งงานวิจัยชี้ชัดว่าเด็กที่สูบบุหรี่มากกว่าร้อยละ 70 เริ่มต้นจากบุหรี่แบบแบ่งขาย ที่ต้องยอมรับคือ บุหรี่เป็นประตูไปสู่อบายมุขอื่น ทั้งเหล้า ยาเสพติด การพนัน โดยร้านค้ารายย่อยข้างโรงเรียนและในชุมชนแทบทุกร้านพร้อมใจกันขายบุหรี่ให้เด็ก ทั้งที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน แม้มีกฎหมายบังคับ แต่ยังเมินเฉย
“เครือข่ายครอบครัวต้องฝากความหวังไว้กับ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากมีเนื้อหาสำคัญ คือ ห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนและขยายอายุห้ามขายให้เด็กจากเดิม 18 ปี เป็น 20 ปี ซึ่งมีผลต่อการลดนักสูบหน้าใหม่ จำกัดการเข้าถึง แต่เกรงว่าหาก พ.ร.บ. ดังกล่าวไม่ผ่านในรัฐบาลนี้ คงยากที่จะถูกรัฐบาลปกติหยิบยกมาพิจารณา ซึ่งยังหวังว่าจะมีการพิจารณาผ่านร่างส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก” นายอิมรอน กล่าว
ด้าน นายเอ (นามสมมติ) เยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่ ป.6 เพื่อนในกลุ่มเกือบครึ่งที่สูบโดยแอบสูบในโรงเรียนและซื้อบุหรี่ที่แบ่งเป็นมวนจากร้านค้าข้างโรงเรียน แม้อยู่ในชุดนักเรียนก็สามารถหาซื้อได้ง่าย เมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมก็เริ่มดื่มเหล้า เที่ยวเตร่ และนำไปสู่ยาเสพติด ช่วงนั้นชีวิตวนเวียนแต่เรื่องเหล่านี้ กระทั้งถึงวันที่ก้าวพลาดก่อคดี สุดท้ายได้มาอยู่ที่บ้านกาญฯ ที่นี่มีกระบวนการทำให้ได้คิด เห็นคุณค่าของตัวเองและมีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคมมากขึ้น
“จากการพูดคุยกับเพื่อนที่นี่ ส่วนใหญ่เริ่มสูบบุหรี่ช่วง ป.6 - ม.3 ส่วนใหญ่เห็นคนในครอบครัวสูบก็สูบตาม เกือบทั้งหมดเริ่มต้นจากบุหรี่แบบแบ่งขายที่ซื้อมาจากร้านค้าข้างโรงเรียน ดังนั้น หากสามารถทำให้หยุดการแบ่งขายเป็นมวนได้ จะยับยั้งการเข้าถึงได้มาก หวังว่ารัฐบาลจะมีกฎหมายมาจัดการกับปัญหาเหล่านี้และขอฝากถึงเยาวชน ว่า อย่ายุ่งกับมัน ไม่มีได้ มีแต่เสียกับเสีย เป็นต้น ทางสู่ความเลวร้ายอื่นๆ ขอวิงวอนร้านค้าให้เลิกขายให้เด็ก เพราะเท่ากับสร้างให้อนาคตของชาติตกอยู่ในหลุมดำ” นายเอ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (17 พ.ค.) นายอิมรอน เชษฐวัฒน์ แกนนำเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา เปิดเผยว่า สถานการณ์เด็กและเยาวชนต่อการสูบบุหรี่ ยังมีแนวโน้มน่าห่วง สะท้อนจากตัวเลขสูงถึง 1.6 ล้านคน ขณะที่อายุนักสูบหน้าใหม่เริ่มน้อยลงจนถึงระดับประถม เด็กจะเริ่มต้นซึมซับจากคนในครอบครัว ทั้งพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง รวมถึงเพื่อนๆ ในชุมชนและสถานศึกษา ปัญหาการแบ่งซองขายบุหรี่เป็นมวนๆ ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่สังคมมองข้าม ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่าย เพราะไม่ต้องใช้เงินมากในการซื้อเป็นซอง ซึ่งงานวิจัยชี้ชัดว่าเด็กที่สูบบุหรี่มากกว่าร้อยละ 70 เริ่มต้นจากบุหรี่แบบแบ่งขาย ที่ต้องยอมรับคือ บุหรี่เป็นประตูไปสู่อบายมุขอื่น ทั้งเหล้า ยาเสพติด การพนัน โดยร้านค้ารายย่อยข้างโรงเรียนและในชุมชนแทบทุกร้านพร้อมใจกันขายบุหรี่ให้เด็ก ทั้งที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน แม้มีกฎหมายบังคับ แต่ยังเมินเฉย
“เครือข่ายครอบครัวต้องฝากความหวังไว้กับ พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากมีเนื้อหาสำคัญ คือ ห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนและขยายอายุห้ามขายให้เด็กจากเดิม 18 ปี เป็น 20 ปี ซึ่งมีผลต่อการลดนักสูบหน้าใหม่ จำกัดการเข้าถึง แต่เกรงว่าหาก พ.ร.บ. ดังกล่าวไม่ผ่านในรัฐบาลนี้ คงยากที่จะถูกรัฐบาลปกติหยิบยกมาพิจารณา ซึ่งยังหวังว่าจะมีการพิจารณาผ่านร่างส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก” นายอิมรอน กล่าว
ด้าน นายเอ (นามสมมติ) เยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่ ป.6 เพื่อนในกลุ่มเกือบครึ่งที่สูบโดยแอบสูบในโรงเรียนและซื้อบุหรี่ที่แบ่งเป็นมวนจากร้านค้าข้างโรงเรียน แม้อยู่ในชุดนักเรียนก็สามารถหาซื้อได้ง่าย เมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมก็เริ่มดื่มเหล้า เที่ยวเตร่ และนำไปสู่ยาเสพติด ช่วงนั้นชีวิตวนเวียนแต่เรื่องเหล่านี้ กระทั้งถึงวันที่ก้าวพลาดก่อคดี สุดท้ายได้มาอยู่ที่บ้านกาญฯ ที่นี่มีกระบวนการทำให้ได้คิด เห็นคุณค่าของตัวเองและมีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคมมากขึ้น
“จากการพูดคุยกับเพื่อนที่นี่ ส่วนใหญ่เริ่มสูบบุหรี่ช่วง ป.6 - ม.3 ส่วนใหญ่เห็นคนในครอบครัวสูบก็สูบตาม เกือบทั้งหมดเริ่มต้นจากบุหรี่แบบแบ่งขายที่ซื้อมาจากร้านค้าข้างโรงเรียน ดังนั้น หากสามารถทำให้หยุดการแบ่งขายเป็นมวนได้ จะยับยั้งการเข้าถึงได้มาก หวังว่ารัฐบาลจะมีกฎหมายมาจัดการกับปัญหาเหล่านี้และขอฝากถึงเยาวชน ว่า อย่ายุ่งกับมัน ไม่มีได้ มีแต่เสียกับเสีย เป็นต้น ทางสู่ความเลวร้ายอื่นๆ ขอวิงวอนร้านค้าให้เลิกขายให้เด็ก เพราะเท่ากับสร้างให้อนาคตของชาติตกอยู่ในหลุมดำ” นายเอ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่