ฝากพระสังฆาธิการ อดทนทำงานเพื่อพุทธศาสนาและประชาชน ย้ำต้องไม่ละเลยฝึกปฏิบัติธรรม และวิปัสสนากรรมฐานหลักสูตร 45 วัน ฝากช่วยผลักดันโครงการหมู่บ้านศีล 5 ตั้งเป้าเดือน ก.ย. นี้ มีหมู่บ้านเข้าร่วมเกิน 50% ด้านเจ้าคณะ จ.ลพบุรี ระบุพระสังฆาธิการต้องเชื่องคำสั่งผู้บังคับบัญชา ยึดมั่นในจริยาพระสังฆาธิการ ห้ามทุจริตละทิ้งหน้าที่เกิน 30 วัน
พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 กล่าวในการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ชวยเจ้าอาวาส คณะอำเภอโคกสำโรง พัฒนานิคม หนองม่วง โคกเจริญ สระโบสถ์ ณ วัดเขาจรเข้ จ.ลพบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ความเป็นเจ้าอาวาสนั้นมีความรับผิดชอบสูงมาก จึงอยากให้อดทนทำงานเพื่อประชาชนและพระพุทธศาสนา ในขณะเดียวกัน ความเป็นพระต้องฝึกปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐานด้วย ซึ่งพระสังฆาธิการหลายรูปได้ละเลยในข้อนี้ ทั้งนี้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีดำริให้ ผู้ที่จะเป็นเจ้าอาวาสจะต้องผ่านหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน 45 วัน จะทำให้ผู้ที่ได้รับการฝึกได้ประโยชน์ ไม่ยึดติดในตำแหน่งหน้าที่ ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้รับ
นอกจากนี้ พระสังฆาธิการจะต้องรู้กฎหมายปกครองคณะสงฆ์ รวมทั้งปฏิบัติตามนโยบายเจ้าคณะปกครอง โดยเฉพาะขณะนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เน้นย้ำโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ก็อยากให้คณะสงฆ์ช่วยกันทำให้เกิดผล โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าในเดือนกันยายนนี้ ต้องมีหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการดังกล่าวให้ได้เกินร้อยละ 50 เพราะหากพุทธศาสนิกชนมีศีล 5 จะทำให้สังคมสงบสุข เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ ขึ้นได้
ด้าน พระราชพุทธิวราภรณ์ (ประเทือง อาภาธโร) เจ้าอาวาสวัดกวิศราราม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า พระสังฆาธิการต้องยึดจริยาพระสังฆาธิการ เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งการเป็นพระสังฆาธิการต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย และไม่ละทิ้งหน้าที่ ที่ผ่านมาพระสังฆาธิการได้ละลายจริยาพระสังฆาธิการไปมาก ส่งผลให้เจ้าอาวาสกลายเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าวัด ดังนั้น พระสังฆาธิการต้องยึดจริยาพระสังฆาธิการให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทุจริตต่อหน้าที่ ละทิ้งหน้าที่เกิน 30 วัน ขัดคำสั่งคณะสงฆ์ และทำให้เกิดการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ เช่น ขาดการประชุมพระสังฆาธิการ เป็นต้น ส่วนคณะสงฆ์ลพบุรี ตนแจ้งให้พระสังฆาธิการได้รับทราบถึงความรับผิดชอบ หากขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ก็ต้องได้รับโทษ ขาดประชุมเกิน 2 ครั้ง ให้ออก ซึ่งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เน้นย้ำเสมอว่า หากพระสังฆาธิการรูปไหนไม่ทำงาน ก็อย่าเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการขู่ แต่ทุกวันนี้พระสังฆาธิการละเลยกันมาก หากขาดความรับผิดชอบเช่นนี้ พระสังฆาธิการจะไปดูแลวัด และไปเป็นที่พึ่งของญาติโยมได้อย่างไร
“คณะสงฆ์ต้องช่วยกันกู้ศักดิ์ศรีของความเป็นพระ ซึ่งทุกวันนี้หมิ่นเหม่ต่อศรัทธาเป็นอย่างมาก จะมีการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาอย่างหนัก หากกระทำสิ่งใดไม่เหมาะสมจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ดังนั้น จึงขอให้พระสังฆาธิการทุกระดับช่วยกันดูและพระสงฆ์ในปกครองให้ดี รวมถึงขอชืนชมพระสังฆาธิการที่ตั้งใจทำงาน ที่ช่วยกันทำให้งานพระพุทธศาสนาเกิดความเข้มแข็ง โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 และต้องทำให้ศรัทธาชาวพุทธมองคณะสงฆ์ในภาพที่ดีขึ้นด้วย” เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 กล่าวในการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ชวยเจ้าอาวาส คณะอำเภอโคกสำโรง พัฒนานิคม หนองม่วง โคกเจริญ สระโบสถ์ ณ วัดเขาจรเข้ จ.ลพบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ความเป็นเจ้าอาวาสนั้นมีความรับผิดชอบสูงมาก จึงอยากให้อดทนทำงานเพื่อประชาชนและพระพุทธศาสนา ในขณะเดียวกัน ความเป็นพระต้องฝึกปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐานด้วย ซึ่งพระสังฆาธิการหลายรูปได้ละเลยในข้อนี้ ทั้งนี้ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีดำริให้ ผู้ที่จะเป็นเจ้าอาวาสจะต้องผ่านหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน 45 วัน จะทำให้ผู้ที่ได้รับการฝึกได้ประโยชน์ ไม่ยึดติดในตำแหน่งหน้าที่ ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้รับ
นอกจากนี้ พระสังฆาธิการจะต้องรู้กฎหมายปกครองคณะสงฆ์ รวมทั้งปฏิบัติตามนโยบายเจ้าคณะปกครอง โดยเฉพาะขณะนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เน้นย้ำโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ก็อยากให้คณะสงฆ์ช่วยกันทำให้เกิดผล โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าในเดือนกันยายนนี้ ต้องมีหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการดังกล่าวให้ได้เกินร้อยละ 50 เพราะหากพุทธศาสนิกชนมีศีล 5 จะทำให้สังคมสงบสุข เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ ขึ้นได้
ด้าน พระราชพุทธิวราภรณ์ (ประเทือง อาภาธโร) เจ้าอาวาสวัดกวิศราราม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า พระสังฆาธิการต้องยึดจริยาพระสังฆาธิการ เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งการเป็นพระสังฆาธิการต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย และไม่ละทิ้งหน้าที่ ที่ผ่านมาพระสังฆาธิการได้ละลายจริยาพระสังฆาธิการไปมาก ส่งผลให้เจ้าอาวาสกลายเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าวัด ดังนั้น พระสังฆาธิการต้องยึดจริยาพระสังฆาธิการให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทุจริตต่อหน้าที่ ละทิ้งหน้าที่เกิน 30 วัน ขัดคำสั่งคณะสงฆ์ และทำให้เกิดการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ เช่น ขาดการประชุมพระสังฆาธิการ เป็นต้น ส่วนคณะสงฆ์ลพบุรี ตนแจ้งให้พระสังฆาธิการได้รับทราบถึงความรับผิดชอบ หากขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ก็ต้องได้รับโทษ ขาดประชุมเกิน 2 ครั้ง ให้ออก ซึ่งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เน้นย้ำเสมอว่า หากพระสังฆาธิการรูปไหนไม่ทำงาน ก็อย่าเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการขู่ แต่ทุกวันนี้พระสังฆาธิการละเลยกันมาก หากขาดความรับผิดชอบเช่นนี้ พระสังฆาธิการจะไปดูแลวัด และไปเป็นที่พึ่งของญาติโยมได้อย่างไร
“คณะสงฆ์ต้องช่วยกันกู้ศักดิ์ศรีของความเป็นพระ ซึ่งทุกวันนี้หมิ่นเหม่ต่อศรัทธาเป็นอย่างมาก จะมีการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาอย่างหนัก หากกระทำสิ่งใดไม่เหมาะสมจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ดังนั้น จึงขอให้พระสังฆาธิการทุกระดับช่วยกันดูและพระสงฆ์ในปกครองให้ดี รวมถึงขอชืนชมพระสังฆาธิการที่ตั้งใจทำงาน ที่ช่วยกันทำให้งานพระพุทธศาสนาเกิดความเข้มแข็ง โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 และต้องทำให้ศรัทธาชาวพุทธมองคณะสงฆ์ในภาพที่ดีขึ้นด้วย” เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่