วธ. ปลื้มได้รับงบปี 59 ถึง 7 พันกว่าล้านบาท ชี้สะท้อนว่าผลงานเป็นที่ประจักษ์ เตรียมแผนขับเคลื่อนการทำงานต่อตามนโยบายรัฐบาล และเน้นบูรณาการร่วมมือทุกภาคส่วน เล็งจัดคลัสเตอร์วัฒนธรรมร่วมกับ ก.ท่องเที่ยวฯ เล็งเปิดศูนย์บันดาลไทย นำร่อง จ.ราชบุรี และ จ.เชียงราย เปิดพื้นที่ให้ศิลปินและชาวบ้านร่วมนำเสนอศิลปะพื้นบ้านทุกแขนง วัฒนธรรมท้องถิ่น และแลกเปลี่ยนสินค้าทางวัฒนธรรม
นายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ตามที่ วธ. ได้รับงบประมาณประจำปี 2559 จำนวน 7,960,894,500 บาท ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจมาก ซึ่งเป็นเพราะผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า วธ. ทำงานได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และเข้าถึงประชาชน ดังนั้น ในการขับเคลื่อนโครงการ และ กิจกรรมต่างๆ ในปีงบประมาณ 2559 จะเน้นการบูรณาการงานให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกันกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ การสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศควบคู่ไปกับการสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องหันมาให้ความสำคัญ ในการส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทย ส่งเสริมการสร้างรายได้ของประชาชนให้เกิดขึ้นทุกพื้นที่ และการใช้มิติวัฒนธรรมเชิญชวนชาวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย
ทั้งนี้ วธ. จึงร่วมมือกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ รวมกลุ่มการทำงานเชิงบูรณาการ แบบคลัสเตอร์ ตามแผนงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งมีนโยบายสานต่อโครงการเดิมและพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะค้นหาโครงการใหม่ๆ มาสนับสนุนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเริ่มจากการพัฒนาสินค้าทางวัฒนธรรมให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาเมืองหน้าด่าน ในภูมิภาค เพื่อให้คนไทย และนักท่องเที่ยวได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และทางธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์ โบราณวัตถุ และยังเป็นการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ทางสังคม และวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้านในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
“วธ. จะเปิดศูนย์บันดาลไทยนำร่องที่ จ. ราชบุรี และ จ.เชียงราย เพื่อให้ศิลปินพื้นบ้านทุกแขนง นักออกแบบ นักพัฒนา และชาวบ้าน มาร่วมกันสร้างเมืองแหล่งเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น และนำสินค้าทางวัฒนธรรม หรือ CPOT มาแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ เพื่อเป็นศูนย์กลางการกระจายรายได้ในพื้นที่นั้นๆ ด้วย ส่วนการทำงานใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วธ. ยังคงให้ความสำคัญมากเป็นลำดับต้นๆ และจากการวิเคราะห์สถานการณ์ พบว่า การนำมิติวัฒนธรรมไปร่วมพัฒนาพื้นที่ ร่วมกับการสร้างความมั่นคงจะต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจ และความละเอียดอ่อน ในการแก้ปัญหา ดังนั้น จึงจะมีการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างความเข้าใจบนพื้นฐานความหลากหลายของศาสนา และวัฒนธรรม โดยจะยึดความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลางของการดำเนินงาน” นายอภินันท์ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
