อภ.เตรียมทำลาย "น้ำเกลือ" ที่เหลือจากสำรองน้ำท่วม 54 กว่าล้านขวด หลังหมดอายุปีนี้ และบอร์ด อภ.มีมติให้เลิกใช้ หลังพบการร้องเรียนมากจากการเปลี่ยนและตกตะกอน เผยรอเอกสารยืนยันว่าสามารถทำลายได้ชัดเจน จ่อปรับระบบการสั่งซื้อ
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการน้ำเกลือค้างสต๊อกกว่าล้านขวด ซึ่งเป็นผลพวงจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ทำให้โรงงานผลิตน้ำเกลือในประเทศไม่สามารถผลิตได้ จน อภ.ต้องนำเข้าน้ำเกลือจากต่างประเทศเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของทุกโรงพยาบาล แต่เมื่อกลับสู่ภาวะปกติกลับเหลือเป็นจำนวนมาก ว่า บอร์ด อภ.พบว่าสินค้าล็อตดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2558 และน้ำเกลือล็อตดังกล่าวถูกร้องเรียนเรื่องคุณภาพ เมื่อมีการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากมีการเปลี่ยนสีและตกตะกอน ประกอบกับเป็นน้ำเกลือที่นำเข้าจากอินเดีย ทำให้ผู้ใช้ไม่คุ้นเคยแพคเกจ จึงพบการร้องเรียนเรื่องคุณภาพตามมา ซึ่งสุดท้าย บอร์ด อภ.ก็มีมติให้เลิกใช้ตั้งแต่ปลายปี 2554 แต่ยังคงเก็บรักษาไว้จนถึงขณะนี้น้ำเกลือกำลังจะหมดอายุจึงต้องตัดสินใจทำลายทิ้ง
"แม้จะเป็นการซื้อสินค้าแบบเร่งด่วน แต่กระบวนการในการซื้อมีการตรวจสอบคุณภาพแล้ว เพราะการสำรองเวชภัณฑ์ถือเป็นหน้าที่ของ อภ. เหมือนกับการซื้อถังดับเพลิงไว้ในบ้านก็คงไม่มีใครอยากใช้ถังดับเพลิงนั้น แต่ก็ต้องมีถังดับเพลิงสำรองไว้ เช่นเดียวกันกับ อภ.ที่จำเป็นต้องสำรองเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในยามจำเป็น เช่น ยาโอเซลทามิเวียร์ ที่มีการสำรองไว้ใช้และกำลังจะหมดอายุลงเช่นกัน ซึ่งถือเป็นความมั่นคงของประเทศอย่างหนึ่ง หากไม่สำรองเมื่อเกิดการะบาดก็ไม่สามารถหาใช้ในวิกฤตฉุกเฉินได้" ผอ.อภ. กล่าว
นพ.นพพร กล่าวว่า สำหรับน้ำเกลือที่เหลืออยู่กว่าล้านขวดนั้น ขณะนี้บอร์ด อภ.ได้ตัดสินใจจะทำลายสินค้าดังกล่าว แต่ต้องรอเอกสารทางกฎหมายยืนยันว่าสามารถทำได้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และจะมีการทำลายอย่างถูกต้อง คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องว่าจ้างบริษัทให้มาทำลายต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทผู้ผลิตนั้น มีการตรวจสอบและพบว่า คำสั่งซื้อดังกล่าวทำในภาวะฉุกเฉินและเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถหาเอกสารบางอย่างได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนระบบในการสั่งซื้อ ทุกอย่างต้องมีเอกสารถูกต้องตามกระบวนการต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
