เพชรบุรี - กรมปศุสัตว์ ฝังทำลายของกลางสินค้าปศุสัตว์มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ที่ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด สัตว์นำเข้าภายในประเทศ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (2 มิ.ย.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีฝังทำลายสินค้าปศุสัตว์ ประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และชิ้นส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นของกลางที่กรมศุลกากรตรวจยึดได้ และส่งมอบให้กรมปศุสัตว์มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี จ.เพชรบุรี เพื่อฝังทำลาย โดยมีนายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจำนวนมาก
สำหรับการดำเนินการสั่งทำลายสินค้าปศุสัตว์ของกลางซึ่งนำเข้าโดยผิดกฎหมายในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้กรมปศุสัตว์บังคับใช้กฎหมาย ในการปราบปรามการลักลอบสินค้าปศุสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการนำโรคระบาดจากต่างประเทศเข้ามาแพร่กระจายในประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นโรคจากสัตว์สู่สัตว์ หรือจากสัตว์สู่คน โดยโรคเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร และอาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไปด้วย และยังมีผลต่อเนื่อง กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตอาหารส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลกจนได้ชื่อว่า ครัวของโลก
ด้านนายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากการที่กรมปศุสัตว์ โดยกองสารวัตรและกักกัน ได้เข้มงวดในการตรวจสอบการเคลื่อนสัตว์ หรือซากสัตว์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ เจ้าหน้าตำรวจ ทหาร กรมการปกครอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมศุลกากร จากการดำเนินงานของชุดเฉพาะกิจตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย ว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ นำสินค้าปศุสัตว์โดยไม่มีใบรับอนุญาต ตามเงื่อนไขที่กำหนดไปแล้วทั้งสิ้น 130 คดี จำนวน 1,079 681 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 105,335,911 บาท และได้ทำลายสินค้าปศุสัตว์ซึ่งนำเข้าผิดกฎหมายไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 807,645 กิโลกรัม รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 87,486,622 บาท นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ ได้จับกุม และทำลายยาสัตว์ผิดกฎหมาย สารเคมี และสารเร่งเนื้อแดง จำนวนกว่า 14 ตัน
โดยในการทำลายสินค้าปศุสัตว์ในครั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้รับมอบของกลางจากสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์ กับกรมศุลกากร เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีที่มีการจับกุมดำเนินคดีลักลอบนำสัตว์หรือซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรไทย เป็นของสดประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และชิ้นส่วนอื่นๆ จำนวน 26 ตู้คอนเทนเนอร์ ปริมาณ 7 02,369 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 68,064,640 บาท โดยกระบวนการในการสั่งทำลายสินค้าปศุสัตว์ดังกล่าวทำตามหลักวิชาการ โดยเน้นไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมป้องกัน
ปัจจุบัน ถึงแม้กรมปศุสัตว์ จะเข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสัตว์ หรือซากสัตว์จากต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย แต่ก็ยังพบการลักลอบกระทำผิดกฎหมายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งกรมปศุสัตว์ โดยกองสารวัตรและกักกันจึงได้ดำเนินการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนย้ายซากสัตว์อย่างเข้มงวด โดยตั้งจุดตรวจ 24 ชั่วโมงบนเส้นทางที่คาดว่าจะมีการลักลอบขนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์ และบนถนนสายหลักทั่วประเทศ เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสุขภาพสัตว์ของประชาชน ซึ่งได้ใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายโรคระบาดสัตว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และผู้บริโภค
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ ได้อำนวยความสะดวกในการอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเรื่องการเคลื่อนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์ กฎหมายโรคระบาดสัตว์ หรือต้องการเรียนรู้ผู้กระทำผิดกฎหมาย สามารถติดต่อกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2501-3473-5